หน้าแรกเศรษฐกิจ-การเงินสธ.เข้าถึงการวัดความดันโลหิต ประเมินความเสี่ยงตนเอง

สธ.เข้าถึงการวัดความดันโลหิต ประเมินความเสี่ยงตนเอง

กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ กรมการปกครองท้องถิ่น และกรุงเทพมหานคร ลงนามบันทึกความร่วมมือ เพิ่มการเข้าถึงการวัดความดันโลหิต ให้ประชาชนทราบค่าความดันโลหิต ประเมินความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงได้ด้วยตนเอง บริการในสถานที่ราชการ

เมื่อวันที่​ 28 ตุลาคม 2562 ณ ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล : นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมประชาชนให้เข้าถึงการวัดความดันโลหิต ระหว่างกรมควบคุมโรค กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรุงเทพมหานคร โดยมี นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยผู้บริหารกรมควบคุมโรค กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรุงเทพมหานคร ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง

นายอนุทินฯ​ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งรณรงค์ สร้างความรอบรู้สุขภาพให้กับประชาชน เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง ป้องกันการเจ็บป่วย ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ โดยเฉพาะจากโรคความดันโลหิตสูง พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าตนเองมีภาวะความดันโลหิตสูง เนื่องจากช่วงแรกมักจะไม่แสดงอาการใดๆ จึงไม่ได้เข้ารับการรักษา หรือปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ส่งผลให้เกิดภาวการณ์แทรกซ้อนตามมาได้ อาทิ โรคหลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ โรคไต

สำหรับประเทศไทยมีผู้ป่วยความดันสูงถึงร้อยละ 24.7 หรือประมาณ 13 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญผู้ป่วยร้อยละ 45 ไม่ทราบว่าตนเองมีภาวะความดันโลหิตสูง จึงได้ร่วมกับกรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรุงเทพมหานคร จัดเครื่องวัดความดันโลหิตอัตโนมัติแบบใช้ง่าย สามารถตรวจวัดได้ด้วยตัวเอง พร้อมสื่อให้ความรู้ในการประเมินและการปฏิบัติตน โดยให้บริการประชาชนในสถานที่ติดต่อราชการ เช่น ที่ว่าการอำเภอ ที่ว่าการเขต ศูนย์บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการวัดความดันโลหิตในสถานที่สาธารณะ และทำให้ประชาชนเกิดความตระหนักรู้สุขภาวะของตนเอง นำไปสู่การลดพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ การขาดการออกกำลังกาย ภาวะอ้วน เครียดสะสม เป็นต้น

ด้านนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีมาตรการเร่งเด่นในการขับเคลื่อนการสร้างความตระหนักสุขภาพ Know Your Number,Khow Your Rish โดยให้มีเครื่องวัดความดันโลหิตในโรงพยาบาล สถานที่ราชการ สถานที่ทำงานทั่วประเทศ และจัดหลักสูตรอบรมอาสามัครประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นหมอประจำบ้าน เพื่อดูแลสร้างเสริมสุขภาพประชาชน

นอกจากนี้ได้สำรวจพฤติกรรมเสี่ยงโรคไม่ติดต่อและการบาดเจ็บ โดยกรมควบคุมโรค พบว่าในปี พ.ศ. 2561 คนไทยอายุ 15-79 ปี ร้อยละ 68.4 ได้รับการตรวจวัดความดันโลหิตซึ่งร้อยละ 16.52 ทราบว่าตนเองมีภาวะความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ยังพบพฤติกรรมเสี่ยง อาทิ มีผู้สูบบุหรี่ร้อยละ 16.8 โดยเพศชายสูบบุหรี่มากกว่าเพศหญิง 16 เท่า ลดลงจากปี 2557 ร้อยละ 19.5 สำหรับผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์พบรร้อยละ 22.3 เป็นเพศชายร้อยละ 36.2 และเพศหญิงร้อยละ 9.4 การรับประทานผักและผลไม้ได้เพียงพอร้อยละ 33.0 ทั้งเพศหญิงและเพศชาย การออกกำลังกายร้อยละ 42.3 มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน 19 ล้านคน เพศหญิงมากกว่าเพศชาย จึงขอเชิญชวนประชาชนหันมาใส่ใจสุขภาพ ลด ละ เลิก บุหรี่ แอลกอฮอลล์ เพิ่มกิจกรรมทางกาย ไม่รับประทานอาหารหวาน มัน เค็มจัด เพื่อลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง


RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img