นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการ พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “ภารกิจของพรรคเพื่อไทย : ปรับกระบวนทัศน์ จัดกระบวนคน สร้างกลไกรับมือวิกฤติรัฐธรรมนูญ แสวงหาทางเลือกที่สร้างสรรค์ให้ประชาชน” มีรายละเอียดดังนี้
สถานการณ์บ้านเมืองหลังการเลือกตั้ง ประชาชนยังคงสิ้นหวังต่อไปกับรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจาก คสช. ซักล้างตนเองผ่านการสร้างภาพอันแยบยลว่าพวกเขามาจากการเลือกตั้งของประชาชน
ถึงวันนี้ผ่านการเลือกตั้งมาแล้วกว่า 3 เดือน พวกเขายังไม่สามารถแยกแยะและจัดสรรผลประโยชน์ต่างๆของพวกพ้องตนเองได้ลงตัว ความทุกข์ของประชาชนถูกวางไว้ข้างหลัง กลไกการแก้ปัญหาปล่อยให้เกิดเกียร์ว่าง ทิศทางที่จะแก้ไขหรือคลี่คลายปัญหาของประชาชนจึงไม่ลุล่วงลงง่ายๆ บวกกับความขัดแย้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมต่างๆที่จะเป็นข้อท้าทายกำลังถาโถมเข้ามาทุกขณะ
พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกให้มี “ตัวแทน” ของพี่น้องประชาชน จำนวนมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถเฝ้ารอและดูดายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้านในสถานการณ์ปัจจุบันมีภารกิจที่ต้องทำความเข้าใจเพื่อผลักดันให้เกิดโอกาสและทางเลือกใหม่ๆให้มากขึ้น
ภารกิจสำคัญของพรรคเพื่อไทยมีหลายด้านทั้งงานในสภา และนอกสภา เพื่อแสดงบทบาทร่วมทุกข์สุขกับประชาชน
ภารกิจเร่งด่วนอันดับแรก คือ…
“การขยายบทบาทและทางเลือกใหม่ๆ ในทุกช่องทาง…ใส่ใจและแก้ไขปัญหาความทุกข์ของประชาชน”
ในฐานะผู้แทนราษฎร และนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ควรเข้าหาร่วมทุกข์สุขกับพี่น้องประชาชน ให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับกลไกภาคประชาชน กลุ่มอาชีพต่างๆ ร่วมคิดและหาทางเลือกในการจัดการปัญหาความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ ควบคู่กับการจัดกำลังคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง เร่งตรวจสอบ ถ่วงดุลอำนาจรัฐบาลอย่างเข้มข้น หาหลักฐาน และรูปธรรม ข้อมูลต่างๆ ที่จะทำให้การตรวจสอบมีน้ำหนักและมีความน่าเชื่อถือ
“มุ่งแก้ปัญหาวิกฤตรัฐธรรมนูญด้วยมติมหาชน”
นักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยต้องใช้เงื่อนไขเวลานี้ สื่อสารต่อพี่น้องประชาชนให้เข้าใจเนื้อแท้ของรัฐธรรมนูญ ฉบับ คสช. ที่แปลงร่างมาจากเงาร่างเดิมในเครื่องแต่งกายใหม่ “คสช.2”
จัดกระบวนคน ทั้งใน ละนอกสภาฯ เร่งรณรงค์และทำความเข้าใจกับประชาชนทุกกลุ่ม สาขาอาชีพทั้งสังคม ให้เข้ามีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญปัจจุบันอย่างจริงจัง
ความจำเป็นที่จะต้องสร้างความร่วมมือกับกลไกทุกภาคส่วน ขับเคลื่อน “มติมหาชน “เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะนำเราไปสู่การทบทวน การปรับกระบวนทัศน์ในการอาศัยพลังร่วมจากทุกพรรคฝ่าย และทุกส่วน ร่วมกันจัดการกับกลไกและโครงสร้างความอยุติธรรม ของรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจเดิมในการปกครองประเทศ
การเข้ามาร่วมกำหนดสาระของความเป็นประชาธิปไตยในรัฐธรรมนูญใหม่โดยฉันทามติของประชาชน จึงเป็นพันธกิจของนักประชาธิปไตยทุกคนที่จะต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนที่สุด
“ผลักดันทุกนโยบายที่เป็นประโยชน์ตามที่ได้ให้คำมั่นกับประชาชน”
ข้อเสนอเชิงนโยบายในช่วงการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย แม้ยังไม่มีโอกาสได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลเพราะกติกาที่บิดเบี้ยววิปริตแตกต่างไปจากระบบปกติ แต่พวกเรายังสามารถสร้างช่องทางความร่วมมือกับประชาชนในเขตพื้นที่ต่างๆที่เราสัมพันธ์ด้วยอย่างใกล้ชิด ร่วมกันแลกเปลี่ยนหารูปแบบการทำงานแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนต่างๆด้วยพลังของเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างรวดเร็ว การใช้รูปแบบการสื่อสารด้วยข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชน จะยังคงสร้างสายสัมพันธ์ที่ผูกพันกันระหว่างพี่น้องเพื่อไทยกับพี่น้องประชาชน และเน้นย้ำว่า “หัวใจของพรรคเพื่อไทยคือประชาชน”
“ปรับกระบวนทัศน์ จัดกระบวนคน ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง”
ท้ายที่สุด……หัวใจสำคัญคือการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบคิดระบบการทำงาน การสื่อสารในแบบที่ใกล้ชิด ต่อเนื่อง สร้างสรรค์เพื่อเชื่อมโยงความยึดมั่นในพรรคเพื่อไทย ตัวนักการเมือง เครือข่ายและพี่น้องประชาชนที่ยึดมั่นประชาธิปไตย
การปรับปรุงครั้งสำคัญคือการปรับ “ภาวะการนำ” “คน” และ “กลไก”ภายในองค์กร ให้มีส่วนผสมของ องค์ความรู้ ความชำนาญในงานการเมือง ความสามารถและประสบการณ์ที่เป็นที่ยอมรับของประชาชน ภาพจำของพรรคเพื่อไทยคือความสามารถในการนำนโยบายมาปฏิบัติอย่างเป็นจริง เข้าถึงชีวิตของพี่น้องประชาชน คุณค่าเหล่านี้ที่เราเคยปฎิบัติจนลุล่วงและได้ผล เป็นผลงานที่ฝากความประทับใจให้พี่น้องประชาชน ที่ยังคงเชื่อมั่น รักและโอบอุ้มเราอย่างเสมอมา เป็นคุณค่าที่ต้องรักษาไว้และทำให้ต่อเนื่อง
สำหรับการเปลี่ยนแปลงในห้วงเวลาปัจจุบัน ที่มีความเร็วของการสื่อสารและการแย่งชิงพื้นที่การนำเสนอข่าวสาร ทำให้พวกเราต้องปรับตัว ปรับกระบวนความคิด สร้างพันธมิตรฝ่ายประชาธิปไตย การดึงส่วนผสมอันสำคัญขององค์ความรู้ใหม่ๆ วิธีการคิดที่รับมือกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น การมองหาทรัพยากรใหม่ ๆ ในการทำงาน เป็นความท้าทายสำคัญทั้งของโลกปัจจุบันและสังคมไทยการรักษาคุณค่าเดิมให้เข้มแข็ง เข้มข้น ร่วมกับการจัดสัดส่วนผสมของความรู้ วิธีคิด ที่มีทักษะความชำนาญของโลกสมัยใหม่ เป็นการสร้างเส้นทางการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลาย จะทำให้พรรคเพื่อไทยของเรามีการปรับตัวและสามารถแสดงบทบาทที่รับความท้าทายของโลกใหม่และสังคมไทยที่กำลังต้องการความเปลี่ยนแปลงได้อย่างดี
ทั้งหมด นับเป็นภารกิจสำคัญที่ท้าทายพรรคเพื่อไทย …ท้าทายนักการเมืองและผู้บริหารชุดใหม่ของพรรคเพื่อไทย ที่จะอาสาเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งในการทำงานในกระแสการเปลี่ยนแปลง และร่วมเคียงคู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป
พรรคเพื่อไทย……วันนี้เราพร้อมที่จะรับความท้าทายใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น