ปลัด มท. สั่งเร่งฟื้นฟูหาดใหญ่ตลอด 24 ชั่วโมง จัดที่รองรับขยะ 60,000 ตัน

180

หาดใหญ่, วันที่ 2 ธ.ค. นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) เรียกประชุมติดตามความก้าวหน้าการฟื้นฟูพื้นที่เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยมีผู้บริหารกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ นายภาสกร บุญญลักษม์ รองปลัด นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายอัธยา นวลอุทัย ผู้ช่วยปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายเกิดศักดิ์ ยะโสธร รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง (ยธ.) นายจิรวัตร์ มณีโชติ รองผวจ.สงขลา รวมถึง “นายกแป้น” นายณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายร่วมประชุม

นายอรรษิษฐ์ ได้สั่งการให้ทีมกระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบพื้นที่ฟื้นฟูนครหาดใหญ่โซนที่ 3 ตั้งแต่ถนนทางหลวงชนบท 2029 ถึงคลองอู่ตะเภา ระยะทาง 8.5 กิโลเมตร ซอยย่อยทั้งหมดรวมระยะทาง 55 กิโลเมตร และจัดทำแผนที่โซนแบบละเอียด ขีดเส้นโซนย่อยพร้อมมอบหมายภารกิจหัวหน้าโซนย่อย โดยมอบหมายให้นายชัยรัตน์ เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ควบคุมเครื่องจักรกลสาธารณภัยของ ปภ. และ ยธ. รวมทั้งกำลังพล อส. ที่ขณะนี้ประจำในพื้นที่จำนวน 4,012 นาย รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

“ให้เจ้าหน้าที่และกำลังพลปฏิบัติงานในลักษณะผลัดเวรสลับกันทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยเน้นการปฏิบัติงานในช่วงเวลากลางคืนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สามารถเข้าปฏิบัติงานอย่างสะดวกกว่ากลางวัน ต้องทำตลอดเวลา หยุดไม่ได้ เวลาที่เราตั้งเป้าหมายไว้กระชั้นเข้ามาทุกวินาที โดยแต่ละชุดปฏิบัติการย่อยต้องมีการบันทึกภาพก่อนการปฏิบัติภารกิจ (Before) และหลังปฏิบัติภารกิจ (After) เพื่อจะได้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน พร้อมทั้งรายงานมายังศูนย์ ปภ. (ส่วนหน้า) เพื่อประมวลผลร่วมกับทางฝ่ายทหารถึงผลลัพธ์และความสำเร็จของการปฏิบัติ พร้อมกำชับในเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ทั้งนี้ ให้ชุดปฏิบัติการย่อยแต่ละชุดต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลด้านความปลอดภัยปฐมพยาบาลเบื้องต้น” ปลัด มท. กล่าว

ในด้านการจัดการขยะ ได้มีการจัดเตรียมพื้นที่รองรับปริมาณขยะ อาทิ แยกสะพานดำ รองรับได้ 20,000 ตัน และบริเวณหลังบ้านพักนายอําเภอ และกองร้อยอาสารักษาดินแดนหาดใหญ่ ที่ 4 รองรับได้ 40,000 ตัน โดยเทศบาลนครหาดใหญ่และภาคีเครือข่ายจะได้ขนย้ายไปกำจัดที่โรงไฟฟ้าเกาะแต้ว อย่างเต็มศักยภาพ ขระเดียวกันได้จัดชุดลงพื้นที่ติดตาม และเฝ้าระวังเรื่องโรคที่อาจเกิดขึ้นในช่วงนี้ เช่น โรคฉี่หนู ท้องร่วง ตาแดง ไข้หวัด ควบคู่กับการตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ รวมถึงการดำเนินการเพื่อกำจัดกลิ่นและป้องกันการเกิดโรคภัย