ปัตตานี, วันที่ 2 ธ.ค. – ศูนย์ประสานงานการวิจัยแก้ไขปัญหาความยากจนแบบบูรณาการ (ศูนย์แก้จน) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) ร่วมกับชุมชน ผลิต “แกงมัสมั่นไข่สูตรโบราณ”นวัตกรรมอาหารพร้อมทาน ที่ผลิตด้วยกระบวนการสเตอริไลซ์ หลังชุมชนประสบปัญหาน้ำท่วมหนักช่วงปลายปี 2566 – ต้นปี 2567 จนอาหารเข้าถึงยาก จึงร่วมกันคิดค้นเมนูฉุกเฉินที่กินได้ทันที ไม่เสียง่าย และคุ้นเคยกับพื้นที่ ก่อนพัฒนาเป็นแกงไข่พร้อมทานที่สามารถเก็บรักษาได้นานกว่า 1 ปี
ดร.ไอร์นี แอดะสง นักวิจัย และหัวหน้าศูนย์ฯ เปิดเผยว่า งานวิจัย “แกงมัสมั่นไข่สูตรโบราณ” นี้ เกิดขึ้นช่วงน้ำท่วมปลายปี 2566 ต่อเนื่องต้นปี 2567 ชุมชนประสบปัญหาน้ำท่วมหนัก ทำให้อาหารเข้าถึงยาก เราจึงถอดบทเรียนร่วมกับชุมชนว่าอาหารแบบใดที่เข้าถึงเร็ว เปิดกินได้ทันที ไม่เสียง่าย และคุ้นเคยกับพื้นที่ เพราะอาหารบางชนิดต้องปรุงซ้ำ ทำให้ลำบากในสถานการณ์วิกฤต สุดท้ายชุมชนเสนอเมนูง่ายๆ ต้นทุนต่ำ และเปิดกินได้ทันที จึงออกมาเป็น “แกงไข่” เพราะใช้เครื่องแกงพื้นฐาน วัตถุดิบหาได้ง่าย และทุกคนคุ้นเคย แต่โจทย์ของมหาวิทยาลัยคือ แกงไข่มีส่วนผสมกะทิซึ่งเสียง่าย เราจึงร่วมกับ ผศ.ดร.ฟารีดา หะยีเย๊ะ นักวิจัยและอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พัฒนากระบวนการสเตอริไลซ์เพื่อยืดอายุ พอผ่านกระบวนการแล้วแกงไข่สามารถเก็บได้นานกว่า 1 ปี

ดร.ไอร์นี กล่าวว่าได้ทดลองมาตั้งแต่ปี 2567 ได้รับการยอมรับทั้งรสชาติ และการแจกจ่ายง่าย ปีนี้จึงผลิตร่วมกับชุมชนอีกครั้งประมาณ 1,000 ชุด เพื่อเตรียมแจกให้ชุมชนในจังหวัดปัตตานี และพื้นที่ชายแดนใต้ ส่วนหาดใหญ่ต้องชะลอไปก่อนเพราะเส้นทางถูกน้ำท่วม ขณะนี้ได้กระจายไปหลายชุมชน โดยเน้นพื้นที่เปราะบางที่ไม่สามารถประกอบอาหารได้ พร้อมบรรจุรวมในถุงยังชีพกับน้ำดื่ม อนาคตวางแผนทำเมนูอื่นเพิ่มเติม เช่น น้ำพริก ปลาส้ม หรืออาหารพื้นถิ่นที่เก็บได้นาน วัตถุดิบหาง่าย และราคาไม่สูง โดยยังคงยืดหลักว่า “ต้องตอบโจทย์พื้นที่จริง”
สำหรับงานนี้ศูนย์ศูนย์แก้จน ฯ ทำงานร่วมกับชุมชน และองค์กรนักศึกษา เพราะบุคลากรศูนย์มีไม่มาก นักศึกษาจึงเป็นพลังหลัก ทั้งช่วยแพ็คของ จัดส่ง เยี่ยมพื้นที่ และสนับสนุนการรับบริจาค เป็นกำลังสำคัญตลอดทุกครั้งที่เกิดภัยพิบัติ

ส่วนตัวรู้สึกว่าการทำงานร่วมชุมชนไม่ใช่แค่การเสริมอาชีพ แต่ในยามวิกฤตเราก็ต้องอยู่กับเขา เพราะชุมชนคือส่วนหนึ่งของสังคมเรา หากเขาเดือดร้อน เราก็รับรู้และช่วยเท่าที่ศักยภาพเรามี ทั้งทีมวิจัย นักวิจัย นักศึกษา และคณาจารย์ ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกว่าเราทำได้น้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่ชุมชนเผชิญ แต่ปีนี้จังหวัดปัตตานีรับมือได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ก็ช่วยให้เบาใจขึ้น ท้ายที่สุด ภัยธรรมชาติหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งสำคัญคือการเตรียมความพร้อม และร่วมกันฟื้นฟูให้ชุมชนกลับมาได้เร็วที่สุด
ด้านนายมันเดย์ลา มอเล็ง นักศึกษาคณะวิทยาการสื่อสาร ม.อ.ปัตตานี และคณะทำงานของสภานักศึกษา ม.อ.ปัตตานี เปิดใจว่า มีโอกาสร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม สิ่งที่เห็นชัดเลยคือทุกคนช่วยกันทำอาหาร แพ็กถุงแกง และถุงยังชีพ ส่งกำลังใจให้ชุมชน โดยไม่ต้องมีใครบังคับหรือใช้ชั่วโมงกิจกรรม ขอแค่ขอความร่วมมือ ทุกคนก็พร้อมมาช่วยทันที น้ำใจของเพื่อน ๆ นักศึกษานั้นยิ่งใหญ่มาก และเกินกว่าที่คาดคิด ปีที่แล้วตนเป็นผู้ประสบภัย แต่ปีนี้ได้เป็นผู้ช่วยเหลือ จึงยิ่งเห็นความร่วมมือของเพื่อน ๆ ที่มากขึ้นกว่าเดิม เมื่อได้ลงพื้นที่จริง เห็นแววตาของชาวบ้านที่ดีใจเมื่อเราไปถึง เห็นเด็ก ๆ ที่ยิ้มและตื่นเต้น ทำให้รู้สึกเลยว่าความเหนื่อยทั้งหมดมันมีความหมาย

“สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ บางอย่างไม่มีในห้องเรียน การลงมือช่วยเหลือจริง ๆ ทำให้เราเข้าใจว่าการให้มันมีคุณค่าแค่ไหน แม้จะเหนื่อย แต่รู้สึกมีความสุขแปลก ๆ มันทำให้เราเห็นความจริงอีกด้านของสังคม และเห็นว่าการช่วยคนคนหนึ่งมันสำคัญมากขนาดไหน ผมคิดว่าสาเหตุที่นักศึกษาม.อ.ปัตตานีมีจิตอาสามากขึ้น เกิดจากสภาพแวดล้อมและกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยจัดให้เราได้มีส่วนร่วมบ่อย ๆ แม้งบจะไม่มาก แต่ทุกคนสละเวลา อยากช่วย อยากทำให้กิจกรรมสำเร็จ สิ่งนี้ทำให้เกิดการบ่มเพาะโดยไม่รู้ตัว พอเห็นเพื่อนทำ เราก็อยากช่วยด้วย จนกลายเป็นวัฒนธรรมของการแบ่งปันและการเป็นจิตอาสาในรั้วมหาวิทยาลัยครับ” นายมันเดย์ลา มอเล็ง กล่าว
ปัจจุบันแกงมัสมั่นไข่สเตอริไลซ์กว่า 1,000 ชุด ถูกนำไปกระจายช่วยเหลือชุมชนในพื้นที่ประสบภัยหลายอำเภอของปัตตานี โดยมีพลังอาสานักศึกษาร่วมสนับสนุนอย่างเข้มแข็ง ขณะเดียวกันศูนย์ฯ ยังเตรียมต่อยอดเมนูฉุกเฉินอื่นๆ จากอาหารพื้นถิ่นเพื่อรับมือภัยพิบัติในอนาคต ดร.ไอร์นีย้ำว่า แม้หลีกเลี่ยงภัยธรรมชาติไม่ได้ แต่การเตรียมพร้อมและร่วมกันฟื้นฟู คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ชุมชนกลับมายืนหยัดได้อย่างรวดเร็ว

