“ทุกครั้งที่เกิดคดีสำคัญๆ ชาวบ้านมักจะได้เห็นบทบาทของตำรวจฝ่ายปราบปรามกับฝ่ายสืบสวน ปรากฏตามสื่อต่างๆ ซึ่งในอดีตมักจะปรากฏเฉพาะฝ่ายปราบปราม โดยฝ่ายสืบสวนจะหลบอยู่หลังฉากเพื่อให้การสืบสวนจับกุมคนร้ายทำได้ง่ายขึ้น เพราะคนร้ายจะไม่รู้จักหน้าตาของตำรวจสืบสวน”

แต่ปัจจุบันอาจเป็นเพราะความก้าวล้ำของเทคโนโลยี ประกอบกับการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย มักจะหยิบยกตำรวจที่มีชื่อปรากฏตามสื่อมาพิจารณาปูนบำเหน็จ ทำให้ตำรวจฝ่ายสืบสวนที่ไม่ควรเปิดโฉมหน้าพากันเผยโฉมผ่านสื่อโซเชียลกันอย่างแพร่หลาย กลายเป็นจุดอ่อนหนึ่งในงานสืบสวนคดี ส่งผลให้งานสืบสวนคดีของตำรวจยุคนี้เสียทรงไปพอสมควร
ทางคดี องค์ประกอบการทำงานมิได้มีเพียงพนักงานสอบสวน ปราบปราม และสืบสวน แต่ยังมีอีกหน่วยหนึ่งที่มีบทสำคัญอยู่เบื้องหลังในการไขกุญแจเปิดทางให้ทั้งสามฝ่ายไขปริศนาของคดีให้กระจ่าง และเป็นผู้เก็บหลักฐานสำคัญมัดคนร้ายแบบดิ้นไม่หลุด นั่นคือตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จะทำหน้าที่เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุทุกชนิด เปรียบเสมือนผู้ปิดทองหลังพระ มีบทบาทสำคัญในการไขคดี แต่จะปรากฏโฉมตามสื่อมวลชนน้อยมาก แต่ในแวดวงกระบวนการยุติธรรมให้การยอมรับอย่างสูง
“ประดู่แดง” ขอเอ่ยถึงชื่อของ พล.ต.ต.วาที อัศวุฒมางกูร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่แทบจะไม่เคยได้ยินชื่อหรือเห็นโฉมหน้า ซึ่งแตกต่างจากบรรดาตำรวจปราบปรามหรือสืบสวน หรืออดีตตำรวจที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ สร้างชื่อเสียงด้วยการด่าองค์กรตัวเองแบบไม่รู้สึกละอาย
เส้นทางการรับราชการตำรวจ พล.ต.ต.วาที จะคลุกคลีอยู่กับงานนิติวิทยาศาสตร์และพิสูจน์หลักฐานมากว่า 24 ปี มีผลงานเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานต่างๆ อาทิ รับรางวัลข้าราชการพลเรือนดีเด่นประจำปี 2560 ปี 2565 รับรางวัลยุติธรรมธำรง กระทรวงยุติธรรม และปี 2567 รับรางวัลชนะเลิศโครงการประเมินผลการปฏิบัติงานของหัวหน้าหน่วยงาน (ระดับกองบังคับการ)
สำหรับบทบาทการทำงาน พล.ต.ต.วาที มีความมุ่งมั่นมากที่จะผลักดันให้งานนิติวิทยาศาสตร์ทุกด้านของกองพิสูจน์หลักฐานกลางเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพราะกระบวนการปฏิบัติงานที่ได้มาตรฐานสากล เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญในกระบวนการยุติธรรม นอกจากจะสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อองค์กรแล้ว ยังยกระดับความรู้ความสามารถของผู้ปฏิบัติงานให้เทียบเท่ากับนานาประเทศได้เป็นอย่างดี
ผู้การวาที กล่าวถึงศักยภาพของหน่วยงานว่า การตรวจพิสูจน์ในที่เกิดเหตุทุกๆ เหตุต้องมีมาตรฐาน สามารถที่จะเอาผลตรวจพิสูจน์ไปใช้ในชั้นศาลได้ เป็นหลักฐานที่บิดเบือนไม่ได้
“อย่างกรณีของดีเอ็นเอ ผมมาจากหน่วยงานตรวจดีเอ็นเอ เป็นคนทำเรื่องดีเอ็นเอในสถาบันนิติเวชวิทยามาก่อน การตรวจต้องมีแบบแผน มีขั้นตอนที่ทำตามระบบ มีรูปแบบของคณะกรรมการตามมาตรฐานที่กำหนด อันนี้คือสิ่งที่จะมาควบคุมผู้ปฏิบัติงานให้อยู่ในระเบียบ อยู่ในขั้นตอนการปฏิบัติที่ได้มาตรฐาน พอไปขึ้นศาลจะไม่ได้มีข้อกังวล โต้แย้งอะไรไม่ได้ ทำให้คดีทุกอย่างสำเร็จตรวจสอบได้ เมื่อผ่านมือนักวิทยาศาสตร์ของเรา สามารถขึ้นศาลได้ทุกคดี” พล.ต.ต.วาที ระบุ
พล.ต.ต.วาที เล่าถึงบทบาทการพัฒนางานด้านดีเอ็นเอว่า หลังจากจบปริญญาโทด้านวิทยาศาสตร์ที่โรงพยาบาลศิริราช เน้นการตรวจเรื่องดีเอ็นเออย่างจริงจัง ทำวิทยานิพนธ์เรื่องการตรวจโครโมโซม จึงกลับมาพัฒนางานตรวจดีเอ็นเอของตำรวจเปรียบเทียบกับคนร้ายหรือศพ ถ้าเราได้ดีเอ็นเอจากศพ จะรู้เลยว่าสิ่งที่ได้จากตัวศพคือคนร้าย แล้วค่อยเอาตัวคนร้ายไปเทียบกับสิ่งที่ติดมากับศพ
“คดีหลักๆ จะเป็นคดีข่มขืนที่จะได้จากตัวศพค่อนข้างมาก คดีข่มขืนจะเป็นอะไรที่ไฮไลต์ที่ทำให้งานดีเอ็นเอของตำรวจมีชื่อเสียงขึ้นมา” พล.ต.ต.วาที อธิบายความว่า สำหรับคดีที่มองว่ายาก ความจริงแล้วไม่มีอะไรยาก มีแต่คดีหนักใจมากกว่า หนักใจตรงที่ว่าคดีที่ไม่ถูกใจชาวบ้าน เราจะกลายเป็นจำเลยซึ่งทำอะไรไม่ได้ ทั้งที่พื้นฐานการตรวจเป็นไปตามมาตรฐานสากล เพียงแต่หน่วยงานของตำรวจเป็นการทำงานภาพรวม ประชาชนยังไม่เชื่อถือองค์กรตำรวจ เพราะฉะนั้นถ้าไม่ถูกใจก็ด่า แต่เรายึดความถูกต้องเป็นหลัก
พล.ต.ต.วาที ให้ความเห็นถึงการทำงานในยุคปัจจุบันว่า ถ้าสังคมไม่เชื่อมั่น เจ้าหน้าที่จะลำบากในการจะให้ความยุติธรรมกับประชาชน เพราะหากคนไปเชื่อกับกระแสโซเชียลที่จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง มโนกันไป ทำให้การปะติดปะต่อเรื่องราวออกทะเล ดังนั้นตำรวจไม่ควรทำตามกระแสโซเชียล ต้องทำตามพยานหลักฐานที่เจอเท่านั้น
นี่คือบทบาทเพียงบางส่วนที่ใช้หลักวิทยาศาสตร์ในการไขปริศนาคดี เพื่อให้ฝ่ายปราบปรามและสืบสวน นำไปเป็นแนวทางสืบสวนจับกุมคนร้าย และพนักงานสอบสวนนำไปเป็นพยานหลักฐานสอบสวนปากคำคนร้ายและแนบในสำนวนเพื่อส่งฟ้องศาล
ซึ่งเป็นงานที่ต้องทุ่มเทและเสียสละ ที่ พล.ต.ต.วาที ได้เดินบนถนนสายนิติวิทยาศาสตร์และพิสูจน์หลักฐานมากว่า 24 ปี จนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และยังเป็นที่ยอมรับตำรวจนักสืบระดับพระกาฬ ที่พิชิตคดีดังๆ ในยุคนี้ทุกนาย จะรู้จักตัวตนเขาเป็นอย่างดี ว่าเขาคือเพชรแท้ของวงการนักวิทยาศาสตร์ ผู้ที่ปิดทองหลังพระที่แท้จริง!!!


