“ทีมรามคำแหง” สุดปัง!! ชนะเลิศ ออกแบบฐานตัวอ่อนปะการัง ด้วย 3D Printing รับเงินรางวัล-โล่จาก กรมทะเล-SCG เตรียมต่อยอดไปใช้จริง

399

สระบุรี – “กรมทะเล” กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ร่วมกับบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG จัดกิจกรรม ARTIFICIAL REEFS HACKATHON 2025” by 3D Printing Tech แข่งขันออกแบบฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง ด้วยเทคโนโลยี 3D Printing ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม ถึง 1 กันยายน 2568 เพื่อเปิดเวทีให้ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และภาคีเครือข่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนารูปแบบแนวคิด นวัตกรรม เทคนิคหรือรูปแบบใหม่ของฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการังที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย และสามารถตอบสนองต่อปัญหาความเสื่อมโทรมของแนวปะการังได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีนายนิพนธ์ ทองอยู่ ผอ.กองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล เป็นประธานพิธีเปิด และ กัลยา วรุณโณ Business Development and Growth Director กล่าวต้อนรับ

ทั้งนี้นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทะเล พร้อมด้วยนายอุกกฤต สตภูมินทร์ รองอธิบดี, นายเฉลิมวุฒิ สงวนญาติ Concrete and Construction Technology Director รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านทรัพยากรทางทะเล ซึ่งร่วมกันเป็นกรรมการตัดสิน พิจารณาให้ ทีมชนะเลิศ ได้แก่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้รับรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ และประกาศนียบัตร, รองชนะเลิศ ได้แก่ ม.เกษตรศาสตร์ ได้รับรางวัล 20,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร รางวัลชมเชย 4 ทีม ได้แก่ ม.บูรพา, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, Thai Ocean Academy Pattaya และ ม.สงขลานครินทร์ ได้รับรางวัลทีมละ 10,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร โดย ม.บูรพา ได้รับรางวัลขวัญใจมหาชน เพิ่มอีก 20,000 บาท

นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า กิจกรรมนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ องค์ความรู้ ตลอดจนการสร้างความร่วมมือ เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการฟื้นฟูปะการังของประเทศไทยให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม ด้วยความร่วมมือจาก บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG ในการสร้างนวัตกรรมฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการังด้วยเทคนิค 3D printing และองค์ความรู้ จากภาคการศึกษาที่มีผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง เข้ามามีส่วนร่วมและแลกเปลี่ยนแนวทาง เทคนิคในการฟื้นฟูทรัพยากรปะการังของประเทศไทย ขอแสดงความยินดีกับทุกทีมที่ได้รับรางวัล โดย ทช. และ SCG จะนำผลงานดังกล่าวไปต่อยอดการพัฒนาระบบโครงสร้างปะการังเทียมให้เกิดประสิทธิภาพเหมาะกับสภาพแวดล้อมปะการังใต้ท้องทะเลต่อไป  

“เป็นที่ทราบดีว่าแนวปะการังของประเทศไทยนั้น มีความสำคัญทั้งในด้านระบบนิเวศ คือ เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในทะเลหลากหลายชนิด และในด้านเศรษฐกิจและสังคม คือ เป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างอาชีพให้กับประชาชนทั้งทางตรง และทางอ้อม ซึ่งจากการเก็บข้อมูลของ ทช. พบว่าแนวปะการังของประเทศไทยที่เคยอุดมสมบูรณ์ เริ่มเกิดความเสื่อมโทรมจากหลายสาเหตุ ทั้งจากปัจจัยทางธรรมชาติ และปัจจัยที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ทช. จึงทำการฟื้นฟูด้วยการใช้ฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง ซึ่งได้พัฒนารูปแบบการฟื้นฟูปะการังที่ทันสมัยและสอดคล้องกับความเป็นจริง เพิ่มประสิทธิภาพของฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการังให้มีความหลากหลาย และตอบสนองต่อปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้น ถือเป็นนิมิตหมายที่สำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาและยกระดับการปรับปรุงอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดในอนาคต และเปิดพื้นที่ให้เกิดนวัตกรรมและแนวคิดใหม่ ๆ อันจะช่วยขับเคลื่อนการฟื้นฟูปะการังให้ก้าวหน้าและยั่งยืน“ อธิบดีกรมทะเล กล่าว

ด้านเฉลิมวุฒิ กล่าวว่า SCG มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยี 3D Printing และปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างวัสดุฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง ที่มีคุณสมบัติในการเพิ่มประสิทธิภาพการลงเกาะของตัวอ่อนและมีความทนทานต่อสภาพใต้ท้องทะเลใกล้เคียงกับธรรมชาติ พร้อมสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือในครั้งนี้ ทำให้เกิดการบูรณาการทรัพยากร ทั้งในด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยี สามารถขยายผลในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูปะการังได้อย่างแท้จริง และยังสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการดูแลทรัพยากรของชาติอีกด้วย