กรุงเทพฯ วันที่ 20 มิถุนายน – ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.พรรคประชาชน เข้าร่วมงานเสวนา “บทเรียนจากอดีตสู่อนาคตสมรสเท่าเทียม” จัดโดยสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย ณ Metro Point Bangkok โดยมีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ กิตตินันท์ ธรมธัช นายกสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย, กุรุพิน สิงห์น้อย ผู้เชี่ยวชาญจากกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และชวินโรจน์ ธีรพัชรพร นักวิชาการผู้เขียนวิทยานิพนธ์ว่าด้วยสิทธิการสมรสของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศในประเทศไทย
ธัญวัจน์ได้สะท้อนถึงความจริงในอดีต ซึ่งแนวคิดเกี่ยวกับสิทธิในการก่อตั้งครอบครัวของผู้มีความหลากหลายทางเพศยังเต็มไปด้วยอคติ เช่น แนวคิดที่ว่าบุคคลเพศหลากหลายควรมีอายุเกิน 25 ปีถึงจะสร้างครอบครัวได้ หรือควรได้รับ “คำวินิจฉัยจากแพทย์” ก่อนจะใช้ชีวิตคู่ บางคนถึงขั้นไม่ยอมให้แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เพราะมองว่า “เป็นกฎหมายของชายหญิงเท่านั้น” ซึ่งแนวคิดเหล่านี้แม้จะลดบทบาทลงในพื้นที่สาธารณะ แต่ร่องรอยของการเลือกปฏิบัติยังคงปรากฏอยู่ในวัฒนธรรมองค์กร นโยบายรัฐ ระบบราชการ และระบบการศึกษาอย่างเด่นชัด

ธัญวัจน์กล่าวในวงเสวนาว่า“เพศไม่ใช่เรื่องส่วนตัวที่แยกขาดจากการเมือง” พร้อมเน้นว่าสิทธิในการมีชีวิตตามอัตลักษณ์ของตนเองคือแก่นของความเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการเปลี่ยนคำนำหน้านาม สิทธิในการเรียนตามเพศภาวะที่แท้จริง หรือ สิทธิ์ในการใช้เทคโนโลยีอนามัยการเจริญพันธุ์ สิทธิ์ในการได้สัญชาติฐานะคู่สมรส สิทธิ์เข้าถึงบริการสาธารณะอย่างเท่าเทียม กฎหมายสมรสเท่าเทียมที่ผ่านแล้ว จึงไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการต่อสู้ แต่คือ “จุดเริ่มต้น” ของการสร้างสังคมที่เคารพในศักดิ์ศรีของทุกคน
แม้จะมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม รายงานของ World Bank (2024) ยังระบุว่า “ความเหลื่อมล้ำยังปรากฏชัด” โดยเฉพาะในระดับองค์กรและการดำเนินนโยบาย ตัวอย่างเช่น ระบบราชการไทยยังไม่เปิดให้เปลี่ยนคำนำหน้านามตามเพศสภาพ ระบบการศึกษายังจำกัดสิทธิของนักเรียนที่มีอัตลักษณ์ทางเพศแตกต่าง และวัฒนธรรมในที่ทำงานยังเต็มไปด้วยอคติ บริษัท McKinsey (2020) รายงานว่า พนักงาน LGBTQ+ จำนวนมากรู้สึกไม่กล้าเปิดเผยตัวตนในที่ทำงานเพราะกลัวผลกระทบต่ออาชีพ ขณะที่รายงานของ TDRI (2565) ชี้ว่า ประเทศไทยยังไม่มีมาตรฐานกลางด้านความเท่าเทียมทางเพศในสถานประกอบการ

สส.พรรคประชาชน กล่าวว่า พรรคอยู่ระหว่างการยกร่างกฎหมายเพื่อจัดการกับการเลือกปฏิบัติอย่างเป็นระบบ โดยไม่จำกัดเพียงแค่เรื่องเพศหรือวิถีทางเพศ แต่รวมถึงทุกลักษณะจำเพาะของกลุ่มคน ไม่ว่าจะเป็นชาติพันธุ์ สีผิว ความพิการ ถิ่นกำเนิด ศาสนา ความเชื่อ หรือแม้แต่แนวคิดทางการเมือง เพราะทุกอคติที่ฝังแน่นในสังคม คืออุปสรรคของประชาธิปไตยและความเท่าเทียม “การเลือกปฏิบัติไม่ใช่แค่การไม่ชอบใคร แต่คือการลิดรอนโอกาส ความหวัง และสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์”
จุดยืนของพรรคประชาชนชัดเจนว่า กฎหมายต้องเป็นกลไกที่สร้างความเสมอภาค ไม่ใช่เป็นเครื่องมือที่ทำให้บางคนด้อยสิทธิลง พรรคฯ จะไม่หยุดเพียงการผลักดันกฎหมายฉบับหนึ่งฉบับใด แต่จะเดินหน้าสร้างโครงสร้างทางกฎหมายและสังคมที่เปิดรับความหลากหลายและเคารพในศักดิ์ศรีของมนุษย์ทุกคนอย่างแท้จริง

