หน้าแรกบทความอีก 4 เดือนของ”อัคราเดช”กับบทบาท”ผบ.ตร.น้อย”ลุย”เมืองคอน-สงขลา”โชว์โบว์แดง

อีก 4 เดือนของ”อัคราเดช”กับบทบาท”ผบ.ตร.น้อย”ลุย”เมืองคอน-สงขลา”โชว์โบว์แดง


            ไม่แน่ใจว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)เกิดความรู้สึกว่ารองผบ.ตร.และ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ไม่ค่อยกระตือรือร้นกับงานที่มอบหมายให้หรืออาจจะเห็นว่า พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ลุยทุกหน้างานช่วยให้เบามือตั้งแต่นั่งผู้ช่วย
ผบ.ตร.ถึงลงนามคำสั่งตร.ที่ 283/2568 เรื่องตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมพิเศษตามนโยบายเร่งด่วน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศนรด.ตร.)เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ให้ พล.ต.อ.อัคราเดช เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ

          จึงสุดจะคาดเดาว่าที่ ผบ.ตร.สั่งตั้งศูนย์ฯนี้ขึ้นมาเพราะเหตุผลใดกันแน่ แต่ถ้าพลิกดูรายละเอียดในคำสั่งถึงอำนาจหน้าที่ของ ผอ.ศนรด.ตร.จัดว่ามีอำนาจล้นเกือบเท่า ผบ.ตร.ถ้าจะเรียกว่า”ผบ.ตร.น้อย”คงไม่ผิดนัก

        มีเป้าหมายสนองนโยบายของรัฐบาลและตร.แบบเร่งด่วน มอบภารกิจให้ถึง 16 ข้อ อาทิ การปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง การป้องกันและปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ภาระหน้าที่ ผอ.ศนรด.ตร.คือรับผิดชอบ ควบคุม สั่งการ กำกับดูแล การบริหารราชการและการดำเนินการของศูนย์ฯในภาพรวมและปฏิบัติการแทนผบ.ตร.ในงานดังกล่าว  ร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องบูรณาการการปฏิบัติให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

     ในคำสั่งมีทั้งส่วนอำนวยการและส่วนปฏิบัติการ ฝ่ายปฏิบัติการให้จัดตั้งศูนย์ระดับกองบัญชาการทั้งภูธร นครบาล สอบสวนกลาง ตรวจคนเข้าเมือง ตชด.และตำรวจไซเบอร์  รวมถึงจัดตั้งศูนย์ในระดับกองบังคับการเพื่อรองรับงานในพื้นที่ด้วย


    บทบาทและเป้าหมายของศูนย์นอกจากปราบปรามอาชญากรรมแล้ว ยังมีเป้าหมายฟื้นฟูศรัทธาประชาชน ใช้แนวทาง”ศูนย์สั่งการส่วนกลาง ควบคู่กับการเข้าหาชุมชุม โดยให้ชุดปฏิบัติการลงพื้นที่เสี่ยงและประชาสัมพันธ์บทบาทของศูนย์ผ่านเวทีหมู่บ้านและชุมชน

     เมื่อมองถึงภาระหน้าที่และโครงสร้างของศูนย์ฯแล้วถือว่าเป็นภาระหนักของ พล.ต.อ.อัคราเดช ที่จะต้องขับเคลื่อนให้ศูนย์ฯมีผลงานเป็นที่โดดเด่น แต่พิจารณาถึงอายุราชการของ พล.ต.อ.อัคราเดช แล้วถ้าขับเคลื่อนงานทั้งหมดไปด้วยกันจะไม่เห็นผลงานเป็นชิ้นเป็นอันเพราะเหลือเวลาอยู่เพียง 4 เดือนจะเกษียณอายุแล้ว

  ดังนั้นเพื่อให้สมราคากับนายตำรวจที่ถนัดทั้งบู๊และบุ๋นบวกกับผลงานที่สร้างชื่อในการลุยกับผู้มีอิทธิพลกลุ่มต่างๆในอดีต พล.ต.อ.อัคราเดช ควรเลือกภาระหน้าที่ที่ถนัดนั่นคือลุยกลุ่มผู้อิทธิพลให้ราบคาบ สร้างผลงานชิ้นโบว์แดงในฐานะ ผอ.ศนรด.ตร.ที่มีอำนาจพอกับ ผบ.ตร.สักหนึ่งชิ้นน่าจะดีไม่น้อย

       ซึ่งมีจังหวัดที่เป็นสารตั้งต้นให้เห็นอยู่ 2 จังหวัด คือนครศรีธรรมราชและสงขลา ชาวบ้านธรรมดาในพื้นที่ต่างรับทราบกันดีว่าผู้มีอิทธิพลตัวจริงเสียงจริงนั้นเป็นใคร มีธุรกิจทั้งใต้ดินบนดินแถมเอี่ยวกับแก๊งค้ายาเสพติดและสินค้าเถื่อนอีกต่างหาก

      ในจังหวะนี้สารตั้งต้นที่ดีที่สุดน่าจะสาวได้จากคดี นายสิรดนัย พรายด้วง สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(ส.อบจ.)สงขลา ลูกชายนายสมยศ พรายด้วง ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ สั่งให้ลูกน้องทำร้าย ตชด.ได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยการเลือกตั้งเทศบาลตำบลพะวง อ.เมือง สงขลา หลังจากกุมนายสิรดนัยกับพวกตำรวจไซเบอร์มีการขยายค้นบ้าน นายสิรดนัยและญาติหลายจุดเพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงเว็บพนันออนไลน์

       ชาวบ้านในพื้นที่ทั้งสงขลาและนครศรีธรรมราช ต่างทราบกันดีว่ามีลูกนักการเมืองบางกลุ่มกลุ่มทั้งสองจังหวัด มีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นร่วมหุ้นกันเปิดธุรกิจพนันออนไลน์ เชื่อมโยงกับฝั่งปอยเปต กัมพูชา โดยมี สส.บางคนเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ทั้งชี้ช่องทางหาลูกค้าคอยเป็นพี่เลี้ยงขยายธุรกิจ

   นอกจากนี้มีลูกอดีต สส.เป็นหัวเรือใหญ่ทั้งพนันออนไลน์และค้ายาเสพติด เคยถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดีแบบยกก๊วนมาแล้ว แต่ด้วยอำนาจเงินบวกกับบารมีพ่อในฐานะนักการเมือง ใช้เงินวิ่งเต้นคดีหลายสิบล้านบาทให้ลูกชายหลุดคดีก่อนถึงศาล

       จังหวะที่มีการเลือกตั้งทั้งระดับชาติและท้องถิ่น เงินซื้อเสียงที่มาจากธุรกิจเถื่อนสะพัดทั้งสงขลาและนครศรีธรรมราช แค่ระดับท้องถิ่นใช้เงินซื้อเสียงสูงถึงหัวละ 1,000-2,000 บาท ถ้าสืบเสาะถึงที่มาของนักการเมืองที่ชนะเลือกตั้งทั้งสองจังหวัดจะพบว่ามีสัมพันธ์ที่แนบแน่นแม้จะอยู่คนละพรรคการเมืองกันก็ตาม

      ซึ่งอิทธิพลของนักการเมืองทั้งในสงขลาและนครศรีธรรมราช ชาวบ้านต่างระอา ถ้าบังเอิญไปมีเรื่องหรือคดีความกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ ชาวบ้านทำได้อย่างเดียวคือทำใจยอมรับความพ่ายแพ้ เพราะเจ้าหน้าที่รัฐส่วนใหญ่สยบอยู่ใต้ปีกกลุ่มนี้แทบทั้งสิ้น

    อย่างกรณีที่นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างถูกนักการเมืองในพื้นที่นครศรีธรรมราชทำร้ายและให้สมุนรุมยำ ครั้นไปแจ้งความถูกเกลี้ยกล่อมให้ถอนแจ้งความได้ โชคดีที่มีสื่อโซเซียลกระพือข่าวทำให้ตำรวจต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ

      ข้อมูลที่”ประดู่แดง” ยกมาเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น เมื่อเทียบกับที่สื่อโซเชียลโหมกระพือแบบเจาะลึก ใช้วาจาแบบก้าวร้าวเพราะทนไม่ได้กับพฤติกรรมเถื่อนที่เกิดแบบซ้ำซาก

    ดังนั้นถ้า พล.ต.อ.อัคราเดช อยากสร้างผลงานในฐานะผอ.ศนรด.ตร.ที่มีอำนาจพอๆกับ ผบ.ตร.ให้เป็นที่กล่าวขานถึงก่อนเกษียณอายุอีก 4 เดือนข้างหน้า ลองลุยล้างอิทธิพลเถื่อนในเมืองคอนและสงขลา ให้ราบคาบวางเป็นโมเดลให้ตำรวจรุ่นหลังยึดถือ จะสมราคาฉายา”ผบ.ตร.น้อย” และเชื่อว่าชาวบ้านทั้งสองจังหวัดต้องยกมือสาธุอย่างแน่นอน !!!

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img