สื่อไทยแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับประเทศจีน

219

สื่อไทยร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับประเทศจีนกับ” ศ.ดร.จรัสศรี จิรภาส” นักวิชาการไทยในแดนมังกร เจาะลึกวัฒนธรรม สังคมและการศึกษา

ปักกิ่ง, 10 พฤษภาคม 2568 เวลา 14.00 น. – ศาสตราจารย์ ดร.จรัสศรี จิรภาส อาจารย์ประจำสถาบันเอเชียศึกษา มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง ได้ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อคิดเห็นในหัวข้อ “ประเทศจีนในสายตาของฉัน” แก่ผู้เข้าร่วมโครงการพัฒนาทักษะผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนไทย (สบทจ.1) ณ กรุงปักกิ่ง โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สืบพงศ์ ปราบใหญ่ ประธานหลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย-จีน และที่ปรึกษาหลักสูตรผู้บริหารรุ่นใหม่ธุรกิจไทย-จีน เป็นหัวหน้าคณะฯ

ศาสตราจารย์ ดร.จรัสศรีฯ ได้นำเสนอการบรรยายเป็นภาษาไทยอย่างเป็นกันเอง โดยเจาะลึกถึงหลากหลายแง่มุมของประเทศจีน ตั้งแต่วัฒนธรรม สังคม การท่องเที่ยว ไปจนถึงระบบการศึกษาและการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนภายใต้การนำของผู้นำที่เข้มแข็ง หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจคือ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น “แกรนด์แคนยอนแห่งจีน” ในเขตมณฑลซินเจียง ซึ่งในอดีตเคยปิดไม่ให้เข้าชมเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่า แต่ปัจจุบันได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมบางส่วน พร้อมทั้งมีการจัดการพื้นที่อย่างยั่งยืน

ศาสตราจารย์ ดร.จรัสศรี ยังกล่าวถึงบทบาทของ “พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น” ในการส่งต่อความรู้ด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยหลายแห่งมีคำกล่าวของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกอบอยู่ เช่น พื้นที่ทะเลทราย ก่อนจะได้รับการฟื้นฟูจนกลายเป็นพื้นที่สีเขียวที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ

อีกประเด็นที่ได้รับความสนใจคือ แนวคิด “ความงามทั้งภายในและภายนอก” ที่เน้นการพัฒนาคุณธรรมและพฤติกรรมของประชาชนผ่าน 4 ด้าน ได้แก่ 心灵美 (จิตใจงดงาม) คือมีความเมตตา มีคุณธรรม,语言美 (ภาษาไพเราะ)คือ พูดจาสุภาพ มีเหตุผล ,行为美 (การกระทำดีงาม) คือ ประพฤติตนอย่างมีวินัยและมีน้ำใจ มีมารยาททางสังคม และ 环境美 (สิ่งแวดล้อมสวยงาม) การรักษาความสะอาดและระเบียบ เป็นต้น

ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ ดร.จรัสศรี ยังได้แลกเปลี่ยนถึงความเปลี่ยนแปลงเชิงกายภาพที่เห็นได้ชัดในจีน โดยเฉพาะยังมีการแลกเปลี่ยนเรื่องของส้วมของจีน ที่คนไทยยังมีความทรงจำที่ไม่ดีในเรื่องของความสะอาด และมารยาทในการใช้ห้องน้ำของคนจีน ซึ่งยอมรับว่าความเจริญอาจเข้าไม่ถึงทั้งหมด แต่ทุกประเทศมีข้อดีไม่ดีบ้าง ไม่งั้นจะเติบโตมากเกินไป แต่อย่างไรก็ตามจีนสร้างความเปลี่ยนแปลงโดยดำเนินนโยบาย“การปฏิวัติห้องน้ำสาธารณะของจีน” ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2015 โดยภายในปี 2023 มีห้องน้ำสาธารณะกว่า 200,000 แห่งทั่วประเทศ พร้อมเทคโนโลยีทันสมัย เช่น ระบบกดน้ำอัตโนมัติ การจ่ายกระดาษด้วยการจดจำใบหน้า และ Wi-Fi ฟรีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและภาพลักษณ์ของประเทศในระดับสากล

ในด้านการศึกษา จีนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยมีนโยบายเรียนฟรีระดับภาคบังคับ 9 ปี และมีมาตรการติดตามและเข้มงวดกับครอบครัวที่ไม่ส่งลูกเข้าเรียน นอกจากนี้ ยังสนับสนุนนักเรียนต่างชาติอย่างเต็มที่ ปัจจุบันมีนักเรียนไทยศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี โท และเอก มากกว่า 600 คนทั่วประเทศจีน

ศาสตราจารย์ ดร.จรัสศรี กล่าวว่าความสำเร็จของจีนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการมีผู้นำที่เข้มแข็ง มีวิสัยทัศน์ และความสามารถในการวางแผนระยะยาว ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการศึกษา พร้อมเน้นว่า “สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด คือสถานที่ที่อยู่ใกล้กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง”

โดย ศาสตราจารย์ ดร.จรัสศรี จิรภาส ได้นำเสนอหนังสือ “จีนโต ฉันตาม (แทบไม่ทัน)” ที่ตนเองได้ถ่ายทอดประสบการณ์ตรง ที่อาศัยอยู่และศึกษาประเทศจีนอย่างลึกซึ้ง โดยนำเสนอวิถีชีวิต การศึกษา วัฒนธรรม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการพัฒนาอย่างรวดเร็วของจีนยุคใหม่ โดยใช้ภาษาที่อ่านง่าย สอดแทรกมุมมองเปรียบเทียบกับสังคมไทย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าใจจีนอย่างรอบด้าน ทั้งในมิติของการเปลี่ยนแปลงและแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

สำหรับการบรรยากาศการบรรยายเป็นไปอย่างอบอุ่นและสนุกสนาน โดยมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมอบรมอย่างคึกคัก และหัวข้อนี้ถือเป็นการบรรยายสุดท้ายของโครงการอบรม โดยในวันพรุ่งนี้ (11พ.ค.68) จะมีพิธีปิดหลักสูตรพร้อมมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการอบรมอย่างเป็นทางการ