จาก”เหมาเจ๋อตุง”ถึง”สีจิ้นผิง”เมื่อผู้นำจีนสื่อสารกับโลกตะวันตก

1228

ท่ามกลางบรรยากาศแห่งการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม โครงการอบรมพัฒนาทักษะผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนไทย หรือ สบทจ.1 ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ศาสตราจารย์ ไป๋ ซุน (Bai Chun) แห่งมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง ได้หยิบยกเรื่องราวของ “เหมาเจ๋อตุง” ผู้นำผู้วางรากฐานสำคัญให้กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีนยุคใหม่ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความสามารถในการสื่อสารกับโลกภายนอก แม้ในยุคที่จีนยังไม่เปิดประเทศอย่างเต็มตัว

ในปี ค.ศ. 1949 หลังประกาศชัยชนะของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เหมาเจ๋อตุงไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การควบคุมภายในประเทศ หากแต่เริ่มต้นบทใหม่ของการทูตระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับมหาอำนาจอย่างสหภาพโซเวียต หนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญที่ยืนยันถึงความสัมพันธ์ระดับผู้นำ คือ “ของขวัญทางการทูต” ที่ยังคงจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์กลางกรุงปักกิ่งในปัจจุบัน

คำถามที่ตามมาคือ ในยุคที่การเรียนภาษาต่างประเทศในจีนยังไม่แพร่หลาย ผู้นำอย่างเหมาเจ๋อตุงใช้วิธีใดในการสื่อสารกับผู้นำต่างชาติ? คำตอบคือ “การเรียนรู้ไม่หยุดยั้ง”

แม้ไม่ได้พูดภาษาตะวันตกได้อย่างคล่องแคล่ว แต่เหมาเจ๋อตุงให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจวัฒนธรรมและภาษาต่างประเทศ ท่านเคยเชิญอาจารย์จากมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่งมาสอนภาษาส่วนตัว แม้จะมีอายุล่วงเลยแล้วก็ตาม ข้อมูลจากนักวิชาการ เช่น ดร.หลี ระบุว่า เหมาเคยใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษอย่าง “Paper Tiger” หรือ “เสือกระดาษ” ซึ่งกลายเป็นวาทะทางการเมืองที่โด่งดัง สะท้อนถึงการใช้ภาษากลยุทธ์เพื่อสื่อสารอุดมการณ์สู่สายตาชาวโลก

ในภารกิจสำคัญ เช่น การเดินทางเยือนสหภาพโซเวียตเพื่อพบกับสตาลิน ผู้นำจีนก็มีล่ามประจำตัวช่วยแปลถ้อยคำทุกถ้อยอย่างแม่นยำ ซึ่งสะท้อนว่าแม้ผู้นำสูงสุดจะไม่สามารถสื่อสารได้โดยตรง แต่ก็ไม่มองข้ามความสำคัญของ “ภาษา” ในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ที่น่าทึ่งคือ ข้าราชการระดับสูงของจีนจำนวนไม่น้อยในยุคนั้นเริ่มเรียนภาษาต่างประเทศ เช่น รัสเซียหรืออังกฤษ เมื่ออายุล่วงเข้า 60-70 ปี โดยหลายคนเป็นนักวิชาการหรือบัณฑิตผู้มีความใฝ่รู้ ความพยายามเช่นนี้ทำให้จีนสามารถปักธงบนเวทีโลกได้อย่างสง่างาม แม้ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางประวัติศาสตร์

วันนี้ ความต่อเนื่องของวิสัยทัศน์ดังกล่าวยังปรากฏชัดในยุคของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้วัฒนธรรมและภาษาต่างประเทศมากยิ่งขึ้น สะท้อนแนวคิดที่ว่า “การเข้าใจโลก ต้องเริ่มจากการเข้าใจภาษาและวัฒนธรรมของโลกนั้น” — หนึ่งในเคล็ดลับแห่งความสำเร็จของผู้นำจีนยุคใหม่ ที่กำลังก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจในศตวรรษที่ 21