ตำรวจไซเบอร์รวบต่อเนื่อง เครือข่ายพนันออนไลน์ หนี้นอกระบบ อาวุธปืน และขบวนการหลอกลวงออนไลน์หลายปฏิบัติการ
ตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และ “นโยบายรัฐบาลในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติยุค Digital Disruption” แก่ข้าราชการตำรวจระดับผู้บริหารทั่วประเทศ ในโครงการสัมมนาผู้บริหาร ระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. ได้ขับเคลื่อนนโยบายผ่าน พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบควบคุมสั่งการ บช.สอท. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันพฤหัสบดีที่ 27 มี.ค.68 เวลา 12.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตร์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต. ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1,พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3, พล.ต.ต.กฤตัชญ์
บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4, พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์รวบต่อเนื่อง เครือข่ายพนันออนไลน์ หนี้นอกระบบ อาวุธปืน และขบวนการหลอกลวงออนไลน์หลายปฏิบัติการ

สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดร่วมกันเร่งปราบปรามการกระทำผิดทางอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำมาสู่ผลการปฏิบัติสำคัญ จำนวน 9 ปฏิบัติการ ดังนี้
ขยายผลจับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ จำนวน 4 ปฏิบัติการ
ปฏิบัติการที่ 1 : กก.4 บก.สอท.1 ขยายผลเครือข่ายเว็บพนัน bonus24hr
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมเว็บพนันออนไลน์เว็บไซต์ bonus24hr .com ซึ่งมีเงินหมุนเวียนกว่า 20 ล้านบาท โดยได้จับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายไปแล้วบางส่วนนั้น ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนางสาวเกตณรินทร์ อายุ 29 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ทที่ 1934/2568 ลงวันที่ 20 มี.ค.68 ในข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน สมคบโดยการสมคบตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน พระราชบัญญัติการพนัน ” โดยจับกุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอยเพิ่มสิน 24/1 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ควบคุมตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

ปฏิบัติการที่ 2 : กก.2 บก.สอท.2 ขยายผลเครือข่ายเว็บพนัน JUAD888H
สืบเนื่องจาก กก.2 บก.สอท.2 ได้จับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ “จ๊วด 888” (JUAD888H .COM) โดย พ.ต.อ.มนต์ชัย บุญเลิศ ผกก.2 บก.สอท.2 พร้อมชุดสืบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 8 ราย ซึ่งมีทั้งผู้รับผลประโยชน์จากเว็บพนัน ผู้ดูแลเว็บ ผู้บริหารการเงิน คนกดเงินและบัญชีม้า ซึ่งเป็นบัญชีที่ใช้ในการโอน-รับเงินในเว็บพนันออนไลน์ดังกล่าว ก่อนขอนุมัติศาลอาญาตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ผลการตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย ประกอบด้วย น.ส.สิริญธ์ อายุ 35 ปี เป็นผู้รับผลประโยชน์จากเว็บพนันออนไลน์ โดยจับกุมได้ที่ห้องพักในคอนโดหรู ย่านชิดลม แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ กับพวกในเครือข่ายอีก 3 คน ที่ทำหน้าที่แอดมิน,ทำหน้าที่ถอนเงินสดออกจากบัญชี, ทำหน้าที่บัญชีม้าที่รับโอนเงินพนัน พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีธนาคาร สลิปฝากเงิน บัตรเอทีเอ็ม คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ และอื่นๆ จำนวนหลายรายการ รวมทรัพย์สินมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท
ต่อมาวันที่ 26 มี.ค.2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมตัว นายปฐมพรฯ(สงวนนามสกุล) กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ ซึ่งทำหน้าที่เปิดบัญชีธนาคารที่มีลักษณะเป็น “บัญชีธนาคารม้านิติบุคคล” ซึ่งมีเงินหมุนเวียนในบัญชี ดังกล่าวกว่า 600,000,000 บาทต่อเดือน ตามหมายจับ ศาลอาญา ในข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน” โดยควบคุมตัวได้ที่เพิงพักไม่ทราบเลขที่ริมถนนเลียบทางด่วน กาญจนาภิเษก แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร
เบื้องต้น ผู้ต้องหาปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยอ้างว่ามีเพื่อนที่รู้จักกันชักชวนให้ไปจดทะเบียนบริษัทเป็นนิติบุคคล และให้ไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้กับนิติบุคคลดังกล่าว จากนั้นบุคคลดังกล่าวนำบัญชีธนาคารไปใช้ในทางใดตนไม่ทราบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ปฏิบัติการที่ 3 : กก.4 บก.สอท.5 ขยายผลเครือข่ายเว็บพนัน betflixgun
สืบเนื่องจาก กก.4 บก.สอท.5 ได้จับกุมเครือข่ายการพนันออนไลน์ betflixgun ซึ่งมีเงินหมุนเวียนนับ 20 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 240 ล้านบาทต่อปี โดยรวบรวมพยานหลักฐาน จนศาลอาญารัชดาสามารถอนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้แล้ว จำนวน 13 คน
เมื่อวันที่ 1 มี.ค.68 กก.4 บก.สอท.5 ได้แถลงผลการทลายเครือข่ายการพนันออนไลน์ betflixgun โดยมีการระดมกำลังเข้าตรวจค้น 3 จุด จับกุมบุคคลซึ่งทำหน้าที่ “แอดมิน” ในการให้บริการลูกค้าเว็บพนันออนไลน์ของ betflixgun จำนวน 5 คน และผู้ทำหน้าที่ถอนเงินสด 1 คน ตรวจยึดทรัพย์สิน เช่น เงินสด โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ รถยนต์ ทองคำแท่ง แหวนเพชร รวมมูลค่าทั้งหมดกว่า 100 ล้านบาท ต่อมาสามารถติดตามจับกุม ผู้ที่ร่วมขบวนการและผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้รับผลประโยชน์ ในเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ betflixgun ได้เพิ่มอีก 2 ราย
ล่าสุด ในวันที่ 26 มี.ค.68 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม น.ส.วรรณพรฯ หนึ่งในเครือข่ายการพนันออนไลน์ betflixgun ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1323/2568 ลงวันที่ 26 ก.พ.68 ได้ที่บ้านพักของ น.ส.วรรณพรฯ ในพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นพนันผ่านช่องทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.สอท.5 ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ปฏิบัติการที่ 4 : กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 ขยายผลจับเพิ่มเครือข่ายพนันออนไลน์ LAVAMAX1688
สืบเนื่องจาก กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้ร่วมกันสืบสวนจับกุมเว็บไซต์พนันออนไลน์ เครือข่าย “LAVAMAX1688” ซึ่งมีสมาชิกมากกว่าพันราย พบเงินหมุนเวียนในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมากว่า 8 ล้านบาท โดยกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นกลุ่มวัยรุ่น รวมตัวกันอยู่ในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ มีการแบ่งผลประโยชน์ในกลุ่มอย่างชัดเจน
โดยครั้งนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นเป้าหมาย3 จุด โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 คน ทำหน้าที่เป็นแอดมิน ดูแลบัญชีรับและจ่ายเงินให้ลูกค้า พร้อมยึดของกลางคอมพิวเตอร์ 5 ชุด ซึ่งใช้สำหรับควบคุมโปรแกรมบริหารจัดการเกี่ยวกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ รวมทั้งใช้สนทนากับลูกค้า และจัดการข้อมูลการรับและจ่ายเงินให้แก่ลูกค้า พร้อมควบคุมตัวแอดมินของเว็บพนัน ได้เพิ่มอีก 3 คน ทำหน้าที่คอยตอบแชตเพื่อสนทนากับลูกค้า อ้างว่าได้ค่าจ้างเดือนละ 12,000 บาท
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า เป็นกลุ่มเพื่อนสนิทกัน ได้ร่วมกันวางแผนและทำเว็บไซต์พนันออนไลน์ขึ้นมา โดยมีนายณรรถพลฯ (ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ยังหลบหนีอยู่) ซึ่งมีความรู้ด้านเทคโนโลยี เป็นผู้ชักชวนให้ร่วมกันทำเว็บพนัน โดยมีการแบ่งหน้าที่และผลประโยชน์อย่างเป็นระบบ และเข้าใจว่าการตั้งฐานปฏิบัติการในพื้นที่หัวหินและจะปลอดภัยจากการจับกุม
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาในเครือข่ายดังกล่าวได้เพิ่มเติมอีก 2 ราย ได้แก่ นายณรรถพล อายุ 29 ปี และณัฐภัทร อายุ 25 ปี ในข้อหา “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์ ( ไพ่บาคาร่า ) หรือทำอุบายล่อ ชักชวนประกาศโฆษณาทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้ามาเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันหรือสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือสนับสนุนการกระทำความผิดโดยการโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดฟอกเงิน” โดยจับกุมตัวได้ที่โถงอาคารรัฐประศาสนภักดี อาคารบี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ปฏิบัติการที่ 5 : กก.1 บก.สอท.4 จับเครือข่ายพนันออนไลน์ FAH999
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก. สอท.4 ได้ตรวจสอบพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่าย fah999 พบเงินหมุนเวียนกว่า 2 ล้านบาทต่อเดือน สมาชิกผู้เล่นกว่า 2,000 คน ต่อมาสามารถรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่ายได้หลายราย
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุม นายประกฤต อายุ 45 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.1851/2568 ลงวันที่ 15 มี.ค.68 ในข้อหา “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนัน ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานฯ และร่วมกันฟอกเงิน” โดยจับกุมได้ที่ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ อาคาร บี แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเร่งขยายผลจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จับกุมเครือข่ายอาวุธปืนผิดกฎหมาย จำนวน 1 ปฏิบัติการ
ปฏิบัติการที่ 6: กก.3 บก.สอท.5 เปิดปฏิบัติการ “ฟ้าสางที่เมืองคอน” รวบแก๊งวัยรุ่นหลัง บขส. โพสต์อาวุธปืนท้าทายคู่อริลงโซเชียล
สืบเนื่องจาก กก.3 บก.สอท.5 ได้รับการร้องเรียนว่าในพื้นที่เมืองนครศรีธรรมราช มักมีกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุทะเลาะวิวาทและนำอาวุธปืนมายิงต่อสู้กันในพื้นที่บ่อยครั้ง ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยมักรวมกลุ่มกันบริเวณชุมชนด้านหลังสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครศรีธรรมราช (บ.ข.ส.) และมักจะโพสต์ภาพอาวุธปืนลงโซเชียลเพื่อใช้ข่มขู่คู่อริ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชออกหมายค้นในพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 2 จุดสำคัญ ในพื้นที่เมืองจังหวัดนครศรีธรรมราช ดังนี้

จุดที่ 1 บ้านพักหลังหนึ่งภายในชุมชนหลังสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครศรีธรรมราช
สามารถจับกุม นายศตวรรษ หรือ นิว อายุ 25 ปี ได้พร้อมของกลาง อาวุธปืนพกสั้นพร้อมแม็กกาซีน ยี่ห้อกล็อก รุ่น 30 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน ขนาด .45 จำนวน 16 นัด จากการสอบถามนายศตวรรษฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ที่ตนเองรับจำนำมาจากคนรู้จักกันอีกทอดหนึ่งผ่านช่องทางสื่อโซเชียลมีเดีย ในราคา 30,000 บาท และพกติดตัวโดยตลอดเพื่อไว้ป้องกันตัวจากคู่อริที่ชอบมีปัญหาทะเลาะวิวาทกัน จึงได้แจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”

จุดที่ 2 ตรวจค้นบริเวณบ้านพักแห่งหนึ่งใกล้เคียงกับจุดแรก
สามารถจับกุมนายพีรวิชญ์ หรือ หมี อายุ 26 ปี พร้อมของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง โดยพบข้อมูลและรายการการปล่อยเงินกู้ให้กับบุคคลทั่วไปโดยไม่ได้รับอนุญาต และเก็บอัตราดอกเบี้ยเกิดที่กำหนดไว้ จากการสอบถามนายพีรวิชญ์ฯ ให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่าตนเองรู้จักกับ นายศตวรรษฯ (ที่ถูกจับกุมพร้อมอาวุธปืน) ซึ่งเป็นเพื่อนกัน โดยประกอบอาชีพปล่อยเงินกู้ และรับจำนำอาวุธปืน รถ หรือทรัพย์สินมีค่าต่างๆ โดยจะคิดดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อวัน หากลูกหนี้รายใดไม่ชำระตรงเวลาหรือผัดผ่อน ตนเองก็จะให้นายศตวรรษฯ พกอาวุธปืนไปข่มขู่ ซึ่งยังอ้างเพิ่มเติมว่าเงินที่ปล่อยกู้มิใช่เงินตนเองแต่มีนายทุนนำเงินมาให้ปล่อยกู้แทน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 จะได้เร่งสืบสวนขยายผลต่อไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหา “จัดให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงิน โดยมีลักษณะ (1) เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ ตาม ม.4 พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราพ.ศ.2560 และประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับอนุญาต” นำตัวส่งดำเนินคดีต่อไป
จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ จำนวน 3 ปฏิบัติการ
ปฏิบัติการที่ 7 : กก.1 บก.สอท.1 รวบสาวร่วมกันฉ้อโกงประชาชนหลอกให้จองที่พัก
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้ทำการจองที่พักผ่านทางเฟซบุ๊ก ชื่อเพจ “ภูอิงธาร รีสอร์ท สวนผึ้ง” ซึ่งเป็นเพจเปลอม ซึ่งมีลักษณะเป็นเพจที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ โดยทำการจองหักพัก 1 ห้อง จากนั้นได้ทำการโอนเงิน หลังจากชำระยอดดังกล่าวแล้ว ได้มีแอดมินเพจติดต่อแจ้งมาว่า ไม่สามารถทำรายการได้ให้ทำการโอนเงินค่าห้องพักเข้าไปใหม่ แล้วระบบจะทำการถอนเงินโอนกลับมาคืนให้ จากนั้นระบบยังแจ้งว่าการโอนเงินผิดพลาดอีก จึงได้ทำตามขั้นตอนดังกล่าวต่อไปอีก รวม 3 ครั้ง รวมความเสียหายกว่า 12,000 บาท
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมนางสาวรุจิรา อายุ 29 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1636/2568 ลง 3 มี.ค.68 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หรือมิฉะนั้น เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและ ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเปิดหรือยินยอมให้คนอื่นใช้บัญชีเงินฝาก โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าถูกหลอกให้เปิดบัญชีเนื่องจากต้องการกู้เงินผ่านแอปพลิเคชันทางโทรศัพท์ จึงได้ทำการสแกนใบหน้าเพื่อรับเงินกู้ แต่เมื่อทำแล้วปรากฏว่าไม่ได้รับเงินจริง
ปฏิบัติการที่ 8 : กก.3 บก.สอท.1 รวบเครือข่ายหลอกข่ายกล้องออนไลน์แล้วบล๊อกหนี
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้ติดต่อซื้อกล้อง ยี่ห้อ (Conon Powershot G7X MARK III) พร้อมอุปกรณ์ผ่านช่องทางในเฟจบุ๊คชื่อ (ฟิลม์ CAMARA) ในราคา 9,500 บาท และได้โอนเงินค่าสินค้า 9,500 บาท และค่าประกันกล้อง 5,000 บาท หลังจากนั้น คนร้ายได้ปิดเฟซบุ๊กและไม่ได้ส่งสินค้าให้แก่ผู้เสียหาย รวมความเสียหายทั้งหมด 14,500.00 บาท ตรวจสอบพบความเชื่อมโยงในคดีลักษณะซื้อของไม่ได้ของ ที่ใช้ชื่อบัญชีเดียวกันกับเคสดังกล่าว จำนวน 42 รายการ รวมความเสียหายกว่า 600,000 บาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบตัวเจ้าของบัญชีดังกล่าว กระทั่งนำกำลังเข้าจับกุม นางสาวสุชานันท์ อายุ 21 ปี
ตามหมายจับศาลอาญา 1743/2568 ลงวันที่ 13 มี.ค.68ในข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน , เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตน หรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือความรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด” เบื้องต้นเจ้าตัวให้ปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าทำหน้าที่รับจ้างเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับโอนเงินจากผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง
ปฏิบัติการที่ 9 : กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 รวบเครือข่ายส่ง SMS ปลอม หลอกกดลิงก์ดูดเงิน
สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้รับ SMS เข้าเครื่องโทรศัพท์มือถือของตนเอง แจ้งว่า “Lion Air สวัสดีค่ะ ขอบคุณลูกค้าที่ใช้บริการอย่างต่อเนื่องทางเราขอมอบคูปองเที่ยวบินฟรีให้คุณ 1 ใบ http://dn9cc” ต่อมาผู้เสียหายได้กดลิงก์และพูดคุยกับมิจฉาชีพ โดยคนร้ายลวงว่า สายการบิน Lion Air ได้มอบคูปองตั๋วเครื่องบินฟรีให้ผู้เสียหายจำนวน 1 ใบ พร้อมโหลดกระเป๋าสัมภาระขึ้นเครื่องน้ำหนัก 10 กก. ฟรี อาหารฟรี 1 มื้อ โดยบินฟรีไม่จำกัดเวลา ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้ทำตามขั้นตอนและเผลอแจ้งรหัส OTP ไปให้คนร้าย สุดท้ายคนร้ายสามารถเข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์ของผู้เสียหายได้ และโดนโอนเงินออกจากบัญชีธนาคารต่างๆ ทั้งหมด รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,500,000 บาท
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันเข้าจับกุม น.ส.พนัชกร อายุ 31 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ จ 483/2567 ลงวันที่ 18 ก.ค.67 ในความผิดฐาน “ร่วมกันกันลักทรัพย์ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียทายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตนและสมคบกับกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานพ่อกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” โดยควบคุมตัวได้บริเวณร้านกาแฟริมถนนเทศบาลสาย 4 ต.ท่าใหม่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน กก.4 สอท 3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป