สร.1 ลั่นต้องปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ในทุกมิติ ติดตามแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดน

110

สร.1 ลั่นต้องปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ในทุกมิติ ติดตามแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดน กำชับทุกหน่วยใช้มาตรการเข้มข้นสกัดทางบก-น้ำ-อากาศ กวาดล้างควบคู่บำบัด เผยพอใจเห็นผลแก้ไขปัญหาเป็นรูปธรรม ย้ำติดตามคืบหน้าทุกเดือน

วันนี้ (21 มีนาคม 2568) เวลา 11.00 น. ณ ห้อง จปร. อาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ กองบัญชาการกองทัพบก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามการทำงานของคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ปชด.) โดยมี พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ พลเรือเอก พิจิตต ศรีรุ่งเรือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ พลตำรวจ เอกธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เข้าร่วมและให้การต้อนรับ

ภายหลังการประชุมฯ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้มาติดตามความคืบหน้าเรื่องยาเสพติด รวมทั้งเรื่องปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน โดยที่ผ่านมาผลการจับกุม สามารถจับกุมได้มากขึ้น แต่ยังพบว่าการผลิตยาเสพติดนั้นยังมีมาก และได้ขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ส่วนการป้องกันภายในประเทศ ขณะนี้ดีอยู่แล้ว ทำให้ราคาเสพติดอย่างเช่น ยาบ้ามีราคาสูง เนื่องจากได้ระดมการจับกุม ส่งผลให้ยาเสพติดหายากในจังหวัดต่าง ๆ นอกจากการจับกุมยาเสพติดแล้ว การบำบัดรักษาทุกหน่วยงานได้ร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะต้องการให้ผู้เสพยาหายจากการติดยา สามารถกลับคืนสู่สังคมได้ ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงจะต้องติดตามการขนยาเสพติดในช่องทางอื่น ๆ เช่น ทางเรือ ทางอากาศ ทั้งนี้ จากข้อมูล พบว่า ยาเสพติด ได้แก่ ยาไอซ์ ยาเค จะถูกขนส่งผ่านประเทศไทยไปยังประเทศอื่น ๆ ในส่วนนี้ ทางเหล่าทัพจะทำงานร่วมกันเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้ จะมีการนำเครื่องตรวจ X-Ray ที่ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เพื่อให้การตรวจสอบยาเสพติดมีความชัดเจนขึ้น จะสามารถจับกุมได้อย่างรวดเร็ว ขอยืนยันว่า การดำเนินการทุก ๆ ขั้นตอน อยู่ในทิศทางที่ดีและเห็นผลที่ชัดเจนมากขึ้น ส่วนพื้นที่ที่พบปัญหายาเสพติดมากยังคงเป็นพื้นที่ภาคเหนือตอนบน

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประเด็นกรอบระยะเวลาที่จะเป็นตัวชี้วัดว่า การปฏิบัติงานได้เห็นผลอย่างชัดเจนในหลายพื้นที่ หลังจากนี้จะดำเนินการอย่างครอบคลุมทุกวงจรในทุกพื้นที่ ทั้งในส่วนของการจับกุม บำบัด และขั้นตอนของการทำลายยาเสพติด แต่อย่างไรก็ตามจะต้องมีการติดตามการปฏิบัติงานในทุก ๆ เดือน ซึ่งส่วนนี้จะทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ทั้งนี้ จากการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยินดีให้ความร่วมมือ โดยรัฐบาลกัมพูชาจะให้ความร่วมมือ 100% และจะทำงานร่วมกันผ่านคณะทำงาน ที่สามารถติดต่อกันได้ และให้ความช่วยเหลือกันอยู่ตลอด และวันนี้ ตนเองก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับ กสทช. ว่ายังมีปัญหาอะไรบ้าง เพราะเรื่องนี้ต้องขอความร่วมมือจากภาคเอกชนด้วยเช่นกัน

นายกรัฐมนตรียืนยันว่า การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขณะนี้ สามารถดำเนินการปราบปรามได้จำนวนมาก แต่รัฐบาลต้องการให้ปัญหาดังกล่าวหมดไป ซึ่งได้รับรายงานจากทางด้าน พลตำรวจเอก ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ว่า ยังมีกลุ่มเล็ก ๆ ย่อย ๆ อยู่ ส่วนในเรื่องของการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไทย ได้ดำเนินการอย่างเข้มข้น ทางฝั่งกัมพูชาพร้อมที่จะร่วมมือทำงานแก้ไขปัญหาไปด้วยกัน ไม่เคยติดปัญหาในเรื่องของกระบวนการทำงาน และทางกัมพูชาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ขณะนี้ได้ทราบถึงต้นตอปัญหาต่าง ๆ และก็จะทำให้ปัญหาดังกล่าวหมดไป

ด้าน พลตำรวจเอก ธัชชัย กล่าวเสริมว่า การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งกัมพูชา นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้พูดคุยกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติประเทศกัมพูชา ขณะนี้อยู่ในกระบวนการของการพูดคุย ซึ่งจะมีการดำเนินการขับเคลื่อนในระยะต่อไป โดยทางตำรวจกัมพูชายืนยันจะกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้กับไทย แต่ต้องรอช่วงเวลา เพราะเนื่องจากกัมพูชาเขาก็มีกฎหมาย ในการออกหมายค้น และดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในทางการปฏิบัติยังไม่มีปัญหาอะไร

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์