“นายกฯอิ๊งค์”สั่งตำรวจ ปส.ลุยล้างบางผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญ

141

สืบเนื่องจากการแถลงนโยบายของรัฐบาล โดย นายกรัฐมนตรี นางสาว แพทองธาร ชินวัตร แถลงต่อรัฐสภาว่า ปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วน ที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาด ครบวงจร ตัดต้นตอการผลิตและจําหน่าย เน้นการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการสกัดกั้น ลําเลียงยาเสพติด ปราบปรามและยึดทรัพย์ผู้ค้ารายสำคัญ และข้อสั่งการของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงยุติธรรม ที่เน้นการปราบปรามแหล่งพักยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลางที่จะส่งมายังกรุงเทพมหานคร ประกอบกับนโยบาย ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ซึ่งกําชับการปราบปรามยาเสพติด อย่างเร่งด่วน


ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร, พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร/ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร.(ปป) และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรีและ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. บช.ปส. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว, พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์, พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า รอง ผบช.ปส., ผบก.ปส.1 – 4, ผบก.สกส. และ ผบก.ขส. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สืบสวนติดตามจับกุม และขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่และรายย่อย ทั่วทุกพื้นที่ ของประเทศไทย รวมทั้งการขยายผลไปสู่การจับกุมเครือข่ายที่ยังหลบหนี และยึดทรัพย์ผู้ที่ให้การสนับสนุนและ ช่วยเหลือทุกราย

วันนี้ (21 มี.ค.68) บช.ปส. ได้บูรณาการกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร, นบ.ยส.35 และ ป.ป.ส.โดย พ.อ.เศรษฐ์สรรค์ ศิริโสภณ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, นายสราวุธ ภักดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ปปส. ภาค 6 โดยจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญของบช.ปส. จำนวน 7 คดี ผู้ต้องหา 20 คน รถยนต์ของกลาง 14 คัน ของกลางยาเสพติด คือ ยาบ้า 20,080,000 เม็ด,ไอซ์ 700 กก. และ คีตามีน 199 กก. ดังนี้
บก.สกส.

คดีที่ 1 (ปิดล้อมระทึก! รวบ 2 เอเย่นต์คารถ ขนยานรก 6 ล้านเม็ดจากพิษณุโลกสู่ภาคกลาง)(ผู้นำเสนอ พ.ต.อ. จักริน พิริยะจิตตะ ผกก.2 บก.สกส.)

เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2568 เวลาประมาณ 00.40 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.2 ร่วมกับ กก.3บก.สกส.บช.ปส. ร่วมกันทำการจับกุมตัวผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหา จำนวน 2 คน สืบเนื่องจาก กก.2 บก.สกส.ได้การเฝ้าติดตามสืบสวนกลุ่มนายสิงหากับพวก พบว่ามีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียง ยาเสพติดจากพื้นที่ จว.พิษณุโลก มาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ จว.พระนครศรีอยุธยา โดยใช้รถยนต์หมายเลขทะเบียน 3ฒง 39XX กรุงเทพมหานคร และรถยนต์หมายเลขทะเบียน บม 11XX พะเยา ในการลำเลียงยาเสพติด จึงเฝ้าติดตามสืบสวนกลุ่มบุคคลดังกล่าวเรื่อยมา จนกระทั่ง 16 มี.ค.2568 พบรถยนต์ของกลุ่มนายสิงหา เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.นครไทย จว.พิษณุโลก จึงจัดชุดสะกดรอยติดตาม พบรถทั้ง 2 คันขับขี่ลักษณะนำ-ตาม ผ่าน อ.วังทอง จว.พิษณุโลก > อ.เมืองพิษณุโลก จว.พิษณุโลก > อ.เมืองพิจิตร จว.พิจิตร > อ.ตาคลี จว.นครสวรรค์ > อ.บ้านหมี่จว.ลพบุรี > อ.เมืองลพบุรี จว.ลพบุรี > อ.บ้านแพรก จว.พระนครศรีอยุธยา มุ่งหน้าพื้นที่ อ.มหาราช จว.พระนครศรีอยุธยา จนกระทั่งเวลาประมาณ 00.30 น.(ของวันที่ 17 มี.ค.68) เจ้าหน้าที่ได้สกัดจับรถยนต์ทั้ง2 คัน พร้อมของกลางยาบ้า 6,000,000 เม็ด ในพื้นที่ ต.บ้านขวาง อ.มหาราช จว.พระนครศรีอยุธยา หลังจากนั้นได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พงส. เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

คดีที่ 2 (สกัดจับแก๊งเหนือ ยึดยาบ้า 2,080,000 เม็ด ได้ผู้ต้องหา 4 คน) (ผู้นำเสนอ พ.ต.อ. จักริน พิริยะจิตตะ ผกก.2 บก.สกส.)

วันที่ 14 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 16.40 น. บก.สกส., บก.ปส.3, บก.ขส.บช.ปส., ภ.จว.พิษณุโลก,กก.5 บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ทหาร นบ.ยส.35 ร่วมกันจับกุมตัวผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จำนวน 1 รายผู้ต้องหา 4 คน ก่อนเกิดเหตุ กก.2บก.สกส.รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มบุคคลภูมิลำเนาอยู่ จว.เชียงราย
มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน ด้าน จว.เชียงราย นำส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลางบริเวณ จว.พระนครศรีอยุธยา และ จว.ใกล้เคียง โดยใช้รถยนต์ยี่ห้อ ทะเบียน 2ฒฮ 10XX กรุงเทพฯ และ รถยนต์ สีดำ ทะเบียน 5กธ 48XX กรุงเทพฯ ในการลำเลียงยาเสพติด ใช้เส้นทางจาก อ.แม่สาย จว.เชียงราย – จว.พะเยา – จว.แพร่ -จว.สุโขทัย – จว.อุตรดิตถ์ – จว.พิษณุโลก – จว.พิจิตร – จว.นครสวรรค์ – อ.อินทร์บุรี จว.สิงห์บุรี มุ่งหน้าตามถนนสายเอเชีย (หมายเลข 32) มุ่งหน้า จว.อ่างทอง เข้าพื้นที่ จว.พระนครศรีอยุธยา จึงจัดชุดติดตามความเคลื่อนไหวของรถยนต์กลุ่มดังกล่าว จนกระทั่ง วันที่ 14 มี.ค.68 พบความเคลื่อนไหวของรถยนต์กลุ่มดังกล่าว ผ่านพื้นที่ต.ทับยายเชียง อ.พรหมพิราม จว.พิษณุโลก ใช้ถนนเส้นหมายเลข 11 มุ่งหน้า อ.วัดโบสถ์ จว.พิษณุโลก ขับไปในทิศทางเดียวกัน ลักษณะ นำ-ตาม จึงจัดชุดสะกดรอยติดตาม และสามารถสกัดจับผู้ต้องหา 3 คน พร้อมรถยนต์ทะเบียน 5กธ 48XX กรุงเทพฯ บริเวณริมถนนหมายเลข 11 กม.ที่ 182+900 ต.วัดตายม อ.บางกระทุ่ม, บริเวณ ด่านตรวจ ป้อมตำรวจเนินกุ่ม ถนนหมายเลข 11 ต.เนินกุ่ม อ.บางกระทุ่ม จว.พิษณุโลก ส่วนรถยนต์ ทะเบียน 2ฒฮ 10xx กรุงเทพฯ ชะลอรถก่อนถึงด่านตรวจ เพื่อเข้าข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าควบคุมพบนายปอ เป็นคนขับ จากการตรวจค้นพบยาบ้า 2,080,000 เม็ดอยู่ภายในรถ จึงแจ้งข้อหาบุคคลทั้งหมด ก่อนจะนำตัว ผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่ง พงส.บช.ปส. ต่อไป

คดีที่ 3 (ขับหนีสุดชีวิต ก่อนจนมุม! ยึดยาบ้า 2 ล้านเม็ด รวบ 2 ผู้ต้องหา) (ผู้นำเสนอ ว่าที่ พ.ต.อ.มงคล ออมทรัพย์ ผกก.3 บก.สกส.)

วันที่ 14 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 04.00 น. บก.สกส., บก.สป.3, บก.ขส.บช.ปส., เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ทหาร นปส.ขกท.ศปก.ทบ. ร่วมกันจับกุมตัวผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจำนวน 1 ราย ผู้ต้องหา 2 คน ก่อนเกิดเหตุ เจ้าพนักงานตำรวจ กก.3 บก.สกส.บช.ปส. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือ ด้าน จว.เชียงใหม่ และจะนำมาส่งให้ลูกค้าตามสั่งการของผู้ว่าจ้างในพื้นที่ภาคกลาง ใช้รถยนต์หมายเลขทะเบียน ยบ 31XX เชียงใหม่ และ รถยนต์ หมายเลขทะเบียน ยน 27XX เชียงใหม่ ในการลำเลียงยาเสพติด ใช้เส้นทางจาก จว.เชียงใหม่ – จว.ลำปาง – จว.สุโขทัย -จว.กำแพงเพชร – จว.พิจิตร จว.นครสวรรค์ เส้นทางไปกรุงเทพฯ จึงเฝ้าติดตามสืบสวนกลุ่มรถยนต์ดังกล่าวเรื่อยมา

จนกระทั่งวันที่ 14 มี.ค.68 พบความเคลื่อนไหวกลุ่มรถยนต์ดังกล่าวจึงจัดชุดสะกดรอยติดตาม ทั้ง 2 คันทิ้งระยะห่างกันประมาณ 5-10 กม. ใช้เส้นทาง จว.สุโขทัย – จว.กำแพงเพชร – จว.พิจิตร – จว.นครสวรรค์ -จว.เพชรบูรณ์ (เป็นเส้นทางหลบด่านตรวจทางหลัก) จนเข้าพื้นที่ จว.นครสวรรค์ รถยนต์ ทั้ง 2 คัน น่าจะทราบว่ามีการติดตาม จึงได้เร่งเครื่องยนต์เพื่อหลบหนี โดยที่รถยนต์ หมายเลขทะเบียน ยน 27XX เชียงใหม่ ขับทิศทางย้อนกลับขึ้นเหนือ มุ่งหน้า จว.กำแพงเพชร – จว.ตาก ส่วนรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ยบ 31XX เชียงใหม่ขับหลบหนี มุ่งหน้า จว.เพชรบูรณ์ จึงได้ทำการสกัดกั้นรถยนต์ทั้ง 2 คัน โดยสามารถจับกุมนายโรจน์ ผู้ต้องหาพร้อมรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ยน 27XX เชียงใหม่ ได้ที่ พื้นที่จว.กำแพงเพชร และตรวจยึดยาบ้า 2,000,000 เม็ด พร้อมรถยนต์อีก 1 คัน ในพื้นที่ จว.เพชรบูรณ์ ต่อมาสามารถจับกุม นายชูชัย บุคคลที่ขับรถบรรทุกยาบ้าของกลางแล้ววิ่งหลบหนีขณะสกัดจับ ได้ในที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน ม.5 บ้านซับสมพงษ์ 81 ต.ซับไม้แดง อ.บึงสามพัน จว.เพชรบูรณ์ หลังจากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปบก.ปส.3

คดีที่ 4 (สกัดจับ! กระบะขนไอซ์ 600 กิโลฯ ซิ่งหนี พุ่งชนรถตร.ก่อนจนมุม) (ผู้นำเสนอ พ.ต.อ.ทิวาพงษ์ พลูโต ผกก.2 บก.ปส.3)

เมื่อวันที่ 14 มี.ค.68 เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.3 ได้จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 คน พร้อมของกลาง ไอซ์ 600 กิโลกรัม บริเวณถนนหน้าโรงเรียนสบเปิงวิทยา ต.สบเปิง อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 สืบสวนทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ชายแดน จว.เชียงใหม่ เข้าสู่พื้นที่ตอนใน จึงได้ทำการเฝ้าระวัง กระทั่งเมื่อวันที่ 14 มี.ค.68 พบความเคลื่อนไหว รถยนต์กลุ่มบุคคลในเครือข่าย วิ่งจากพื้นที่ ต.ป่าแป๋ อ.แม่แต่ง จว.เชียงใหม่ มุ่งหน้าไปทาง ต.สบเปิง อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ โดยกระบะท้ายมีผ้าใบสีดำคลุมปิดไว้ ลักษณะมีน้ำหนัก เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าติดตามไปถึงบริเวณถนน หน้า รร.สบเปิงวิทยา จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวขับรถเข้าสกัด รถยนต์กระบะพยายามจะขับหลบหนี และได้ขับรถพุ่งชนรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ ผู้ขับขี่ได้วิ่งลงจากรถ เพื่อจะหลบหนีแต่เจ้าหน้าที่ทำการจับกุมไว้ได้จึงทำการตรวจค้นรถยนต์กระบะดังกล่าว พบไอซ์ จำนวน 600 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในกระบะท้ายและพื้นที่ภายในห้องโดยสาร จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการสืบสวนขยายผล เพื่อนำตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 5 (จับยาบ้า 3 ล้านเม็ด! บุกทลายเครือข่ายม้ง ขนจากเชียงแสนเข้าพื้นที่ตอนใน)(ผู้นำเสนอ พ.ต.อ.ทิวาพงษ์ พลูโต ผกก.2 บก.ปส.3)

เมื่อวันที่ 17 มี.ค.68 เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.3 ได้จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 คน พร้อมของกลางยาบ้า 3,000,000 เม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนทราบว่ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติดชาวเขาจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ อ.เชียงแสน จว.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนใน จึงได้เฝ้าระวัง กระทั่งวันที่ 17 มี.ค.68 ทราบว่าเครือข่ายยาเสพติดจะทำการส่งมอบยาเสพติดในพื้นที่ อ.เชียงแสน จว.เชียงราย จึงได้วางกำลังโดยรอบ


ต่อมาเวลาประมาณ 22.00 น. พบผู้ต้องหาที่ 1 ขับรถยนต์คันของกลางลักษณะมีน้ำหนัก โดยมีผู้ต้องหาที่ 2ขี่รถจักรยานยนต์ประคอง จากบริเวณหน้าบ้านแทนรัก ห้องพักรายวัน ภายในซอย ถนนริมโขง ซอย 4 ต.เวียงอ.เชียงแสน จว.เชียงราย จึงได้แสดงตัวขอตรวจค้นรถยนต์ทะเบียน กบ 67XX เชียงราย ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) อยู่ภายในห้องโดยสารและกระโปรงท้ายรถส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนี แต่สามารถจับกุมตัวได้ที่ บริเวณ ริมทางหลวง 1129 ต.เวียงอ.เชียงแสน จว.เชียงราย นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปบก.ปส.2

คดีที่ 6 (บุกทลายเครือข่ายคีตามีน! ยึด 199 กิโลกรัม รวบ 3 ผู้ต้องหา คารีสอร์ท จังหวัดเลย)(ผู้นำเสนอ พ.ต.อ.ธีระ ทองระยับ รอง ผบก.ปส.2 )

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ก.พ.68 กกล.สุรศักดิ์มนตรี/บก.ควบคุมที่ 1 (ร.3) โดย ร้อย ฉก.ทพ.2101ได้จับกุมผู้ต้องหาชาวลาว จำนวน 3 คน พร้อมตรวจยึดของกลางยาเสพติด (ไอซ์) จำนวน 16 กระสอบ 658 กก.และยาบ้า 58 มัด จำนวน 116,000 เม็ด รถยนต์ (ตู้) 1 คัน เรือกีบ 2 ลำ โดยลำเลียงยาเสพติดขึ้นบริเวณพื้นที่ ริมตลิ่งแม่น้ำโขง ม.1 บ.แพงใต้ ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม เพื่อเข้าสู่พื้นที่ตอนในโดย บก.ปส.2 ได้สืบสวนติดตามขยายผลเครือข่ายดังกล่าวเรื่อยมา จนทราบความเคลื่อนไหวของขบวนการค้ายาเสพติด และจากการวิเคราะห์ข้อมูลรถยนต์จากระบบ Licence Plate ทำให้สามารถสืบทราบ


พฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดน เริ่มจาก อ.ท่าอุเทน จว.นครพนม – จว.บึงกาฬ -จว.สกลนคร – จว.อุดรธานี – จว.หนองบัวลำภู จว.เลย เตรียมมุ่งหน้าไป จว.เพชรบูรณ์ เพื่อเข้าสู่พื้นที่ตอนใน จึงได้สืบสวนสะกดรอยติดตามจับกุมกลุ่มเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดดังกล่าวนี้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเมื่อวันที่ 17 มี.ค.68 เวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ติดตามสะกดรอยรถยนต์ต้องสงสัยจาก อ.ท่าอุเทน จว.นครพนม เรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 18 มี.ค.68 เวลาประมาณ 06.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.3 บก.ปส.2 ได้เข้าจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย พร้อม ของกลางคีตามีน 199 กก. รถยนต์ที่ใช้ในการลำเลียง 1 คันและรถยนต์สำรวจเส้นทาง 1 คัน


เหตุเกิดบริเวณรีสอร์ทนิสาชล ต.ผาอินทร์แปลง อ.เอราวัณ จ.เลย ต่อเนื่องบ้านสวนสุมาลี รีสอร์ท (วังสะพุง)ต.ผาอินทร์แปลง อ.เอราวัณ จ.เลย โดยกล่าวหาว่า“ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม
ประชาชน” และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด ส่ง พงส.บก.ปส.2 เพื่อดำเนินคดีต่อไป

คดีที่ 7 เครือข่ายนายแบงค์ชาติ (ไอซ์ 100 กก. ยาบ้า 6,400,000 เม็ด) (ผู้นำเสนอ พ.ต.อ.โชคชัย วระศาสตร์ ผกก.2 บก.ปส.1)

สืบเนื่องเมื่อ 2 พ.ค.2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.1 ได้จับกุมผู้ต้องหา 3 คนพร้อมของกลางไอซ์ 20 กก.เขตพื้นที่ กทม. และได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อมาทราบว่า นายแบงค์ชาติฯ เป็นผู้ร่วมขบวนการ ต่อมาวันที่ 20 ก.พ.2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.1 ทำการตรวจค้นที่บ้านนายแบงค์ชาติฯ ตรวจยึดไอซ์ ได้จำนวน 8 กก.และในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนขยายผลกลุ่มผู้ค้าไอซ์ ที่นำไอซ์มาส่งมอบให้นายแบงค์ชาติฯ


โดยกลุ่มผู้ค้าไอซ์ใช้วิธีการส่งมอบไอซ์ จำนวน 3 กก. โดยขับรถยนต์นำไอซ์มาซุกซ่อนวางไอซ์ไว้ข้างถนนในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดไอซ์ จำนวน 3 กก.ดังกล่าวได้ และติดตามจับกุมกลุ่มผู้ค้าแต่หลบหนีไปได้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.1 จึงได้ทำการสืบสวนกลุ่มผู้ค้าไอซ์ ที่นำไอซ์มาส่งมอบดังกล่าวเรื่อยมาทราบว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดกลุ่มนี้มีพฤติการณ์ใช้รถยนต์ไปลักลอบขนยาเสพติด ไอซ์ และยาบ้า ตามแนวชายแดนริมแม่น้ำโขง ไทย – ลาว มาพักคอยในพื้นที่ตอนในและกระจายจำหน่ายยาเสพติดพื้นที่ กทม.และปริมณฑล


ต่อมาวันที่ 19 – 20 มี.ค.2568 กลุ่มผู้ค้ามีการเคลื่อนไหวจากปริมณฑลไปทางภาคอีสานและตามแนวชายแดนไทย – ลาวริมแม่น้ำโขง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนติดตามรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ 1 คัน ทะเบียน กง -21xx เลย และรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ มิวเอ็กซ์ 1 คัน ทะเบียน ขข-10xx พิษณุโลก ไปจนกระทั่งพบรถยนต์ทั้งสองคันเข้าออกบ้านเลขที่337/247 หมู่ที่ 2 ต.ศิลา อ.เมืองขอนแก่น จว.ขอนแก่น อย่างมีพิรุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าทำการตรวจค้นรถยนต์ ทั้งสองคัน พบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .380 พร้อมกระสุนบรรจุในแม็กกาซีน 4 นัด ในรถยนต์ ฮอนด้า ซิตี้ 1 คัน ทะเบียน กง-21xx เลย จึงได้นำตัวผู้ต้องหา 4 คน นายอนุสรณ์ฯ นายศตวรรษฯ นายไกรศรฯ และน.ส.สาธิกาฯ นำพาตรวจค้นบ้านดังกล่าว พบยาเสพติดไอซ์ 100 กก. ยาบ้าประมาณ 6,400,000 เม็ด ซุกซ่อนในบ้าน จึงได้ทำการตรวจยึดยาเสพติด อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน และจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ไอซ์, เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการเพื่อการค้า แพร่กระจายสู่ประชาชนฯ , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต” นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป


สำหรับการปราบปรามยาเสพติดของ บช.ปส. ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 – ปัจจุบัน สามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดทุกคดีได้ 577 คดี ผู้ต้องหา 575 คน ของกลางยาเสพติด คือ ยาบ้า 161,975,814 เม็ด, ไอซ์ 13,099.86 กก.,เฮโรอีน 167.43 กก., คีตามีน 710 กก. และยาอี 575 เม็ด ยึดอายัดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด 1,430,209,913 บาท