นายวิชัย ล้ำสุทธิ อดีต ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทีมงาน ‘กลุ่มเพื่อนหมอวรงค์’ กล่าวถึงกรณีที่อดีต ส.ส.ภาคตะวันออกของพรรคบางส่วน ลาออกไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ ว่า ระบบการบริหารพรรคที่ผ่านมาไม่ทั่วถึง การดูแลตัวแทน ส.ส.ของภาคตะวันออก มีการย้ายพรรค โดยมองเพียงว่า ส.ส.โดนพรรคอื่นดูดออกไป แต่เมื่อมีการพูดคุยกันแล้วก็พบว่าการบริหารที่ผ่านมา ส.ส.ที่มีความสามารถในการทำงานถูกละเลย ไม่ถูกเสริมให้มีความก้าวหน้า หรือแสดงความสามารถเท่าที่ควร ทำให้เกิดความอึดอัด และความห่างเหินเหมือนเจ้านายกับลูกน้อง ไม่เหมือนเพื่อนร่วมงาน ทำให้ระบบบริหารภายในมีปัญหา อีกทั้งการบริหารในพื้นที่ไม่ได้มีการลงไปอย่างจริงจัง จึงอยากเห็นผู้นำของพรรคไปสัมผัสกับประชาชนโดยตรง รวดเร็ว ทันใจ
“นอกจากนี้สิ่งที่หนักใจมากที่สุดสำหรับภาคกลาง และภาคตะวันออก คือ เรื่องเลือดไหลไม่หยุด ที่ผ่านมาเราบอกว่าเขาหนีไป ถูกดูดไป แต่ไม่เคยมองตัวเองว่าปฏิบัติกับพวกเขาอย่างไรในการบริหารงานที่ผ่านมา จึงต้องโทษตัวเองด้วย และต้องไม่ไล่ส่งเขาไป แต่ต้องไปเอาเขากลับมา วันนี้ นพ.วรงค์ ประกาศแล้วว่ากล้าเปลี่ยนเพื่อประชาชน” นายวิชัย กล่าว
ด้านนายศุภชัย ศรีหล้า อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทีมงาน ‘กลุ่มเพื่อนหมอวรงค์’ กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้ประชาธิปัตย์ไม่ประสบความสำเร็จในภาคอีสาน ว่า เกิดจาก 2 สาเหตุ คือ 1.พรรคไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของคนอีสาน และ 2.ประชาธิปัตย์ในสายตาของคนอีสานจำนวนมาก รู้สึกว่าห่างไกล ไม่ใกล้ชิด ซึ่งเกิดจากความพ่ายแพ้และไม่มีตัวแทนในพื้นที่ปฏิบัติงานให้พรรคอย่างยาวนาน
“ดังนั้นการจะชนะเลือกตั้งได้ต้องได้ ส.ส.พื้นที่ภาคอีสานในจำนวนที่มากพอ ผมอยู่พรรคมานับ 10 ปี รู้สึกว่าที่นี่คือบ้าน จึงอยากทำให้ดีที่สุด และอยากเห็นบ้านหลังนี้เป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยเชื่อว่า นพ.วรงค์ คือ คนที่เหมาะสมจะนำพรรคต่อไป” นายศุภชัย กล่าว
ส่วนนายสมบัติ ยะสินธุ์ อดีต ส.ส.แม่ฮ่องสอน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทีมงาน ‘กลุ่มเพื่อนหมอวรงค์’ กล่าวถึงแนวทางการเปลี่ยนแปลงของพรรค หาก นพ.วรงค์ ได้เป็นหัวหน้าพรรค ว่า พรรคมีจุดอ่อนอยู่ที่ภาคเหนือกับภาคอีสานที่แพ้มาโดยตลอด โดยกระแสพรรคตกเพราะนโยบายไม่ทันกับสถานการณ์ ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับพรรคคู่แข่งได้ อีกทั้งความนิยมของหัวหน้าพรรคตกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดอ่อนของพรรค
ทั้งนี้ มีการสอบถามความเห็นประชาชนก็ต้องการผู้นำที่ซื่อสัตย์ จึงได้ขอให้ นพ.วรงค์ ที่มีผลงานปราบโกงจำนำข้าว มาชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยเชื่อว่าจะเป็นการเสริมจุดแข็งของพรรคให้ได้รับความนิยมในพื้นที่ภาคเหนือและทำให้พรรคประชาธิปัตย์เข้มแข็งมากขึ้น