สสว. เผย ภาคเกษตร-ผลิต-การค้า ชะลอตัว ทำดัชนีเอสเอ็มอี ม.ค. ตก ชี้ แจกเงินหมื่น ยังไม่ช่วย

384

กรุงเทพฯ วันที่ 4 มี.ค. นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) ประจำเดือนมกราคม 2568 ว่า เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2567 พบว่า ค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 53.1 ลดลงจากระดับ 53.9 ปัจจัยหลักมาจากราคาสินค้าที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณาระดับความเชื่อมั่นรายภาคธุรกิจ พบว่า ภาคธุรกิจการเกษตรมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ขณะที่ภาคการผลิตยังเผชิญแรงกดดันจากคำสั่งซื้อที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับภาคการค้ายังคงไม่ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท (ระยะที่ 2) ส่งผลให้ยอดขายของ SME ในเดือนนี้ ยังได้รับผลกระทบในวงจำกัด

นอกจากนี้ มาตรการ Easy e-Receipt 2.0 พบว่า มีเพียงผู้ประกอบการขนาดกลาง และ OTOP บางส่วนเท่านั้นที่เข้าร่วมโครงการได้ ทำให้การดำเนินมาตรการยังไม่ครอบคลุมในทุกภาคธุรกิจแม้ให้สิทธิ์ใช้กับกลุ่ม OTOP หรือสินค้าและบริการจากชุมชน แต่ยังมีผู้ประกอบการกลุ่มนี้จำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้

อย่างไรก็ตาม ระดับความเชื่อมั่นในภาคบริการยังคงใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหนุนจากกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวที่ยังคงดำเนินต่อเนื่องจากช่วงเทศกาลปลายปี โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออก ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ เมื่อพิจารณาตามองค์ประกอบของดัชนี พบว่า เกือบทุกองค์ประกอบของดัชนีปรับตัวลดลง โดยองค์ประกอบด้านกำไร ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 57.9 จากระดับ 59.4 ซึ่งสอดคล้องกับการลดลงขององค์ประกอบดัชนีด้านคำสั่งซื้อโดยรวมและด้านปริมาณการผลิต/การค้า/การบริการ อยู่ที่ระดับ 62.0 และระดับ 57.5 จากระดับ 63.3 และ 58.5 ตามลำดับ ซึ่งมีสาเหตุจากกำลังซื้อที่ชะลอลงและจำนวนยอดขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาก่อนหน้า สำหรับองค์ประกอบด้านการลงทุนโดยรวมปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 51.4 จากระดับ 52.2 และด้านต้นทุนปรับลดลงอยู่ที่ระดับ 39.3 จากระดับ 39.8 ขณะที่องค์ประกอบด้านการจ้างงาน ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 50.4 จากระดับ 50.3

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) รายภาคธุรกิจ พบว่า ภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 51.3 หดตัวจากระดับ 52.6 จากเดือนก่อนหน้า มีสาเหตุจากจำนวนยอดขายธุรกิจที่เพิ่มขึ้นสูงในช่วงเวลาก่อนหน้าโดยเฉพาะในกลุ่มอาหารและเสื้อผ้า แม้จะอยู่ในช่วงเวลาการทำงานปกติ แต่กลุ่มเหล็ก พลาสติก และยาง ยังไม่สามารถขยายกำลังการผลิตได้ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ไม่แน่นอน ทำให้ผู้ประกอบการระมัดระวังการลงทุน ภาคการค้าอยู่ที่ระดับ 52.0 ลดลงจากระดับ 53.3 จากเดือนก่อนหน้า โดยหดตัวตามกำลังซื้อที่ชะลอลง หลังจากเร่งตัวในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่ส่งผลชัดเจน ทั้งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ที่เริ่มช่วงสิ้นเดือน และโครงการ Easy e-Receipt 2.0  ซึ่งยังเป็นประโยชน์กับธุรกิจขนาดกลางขึ้นไป ภาคการบริการอยู่ที่ระดับ 55.0 เพิ่มขึ้นจากระดับ 54.8 ซึ่งทรงตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่ได้แรงหนุนจากภาคท่องเที่ยวที่ยังคึกคักหลังเทศกาล ส่งผลให้ธุรกิจยังมีผู้ใช้บริการต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภาคใต้ ภาคตะวันออก และเชียงใหม่ ภาคธุรกิจการเกษตรอยู่ที่ระดับ 53.4 ลดลงจากระดับ 58.6 โดยหดตัวลงอย่างชัดเจนจากปริมาณผลผลิตที่ลดลง หลังการเก็บเกี่ยวพืชไร่หลายชนิด แม้ราคาสินค้ายังอยู่ในระดับสูง แต่กำไรของผู้ประกอบการไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากมีการทยอยขายสินค้าล่วงหน้าแล้ว

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) รายภูมิภาค ประจำเดือนมกราคม 2568 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2567 พบว่า ภาคตะวันออก ระดับความเชื่อมั่นอยู่ที่ 54.2 สามารถทรงตัวได้ดี โดยได้รับแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการเทียบท่าของเรือรบสหรัฐฯ ที่ช่วยกระตุ้นภาคการค้า การท่องเที่ยว และบริการอาหารและเครื่องดื่ม แต่ภาคธุรกิจการเกษตรยังหดตัว เนื่องจากผลผลิตหลัก เช่น ทุเรียน ยังไม่เริ่มออกสู่ตลาด

ภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 53.8 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 54.0 โดยภาคบริการยังคงคึกคักจากการท่องเที่ยว แต่ด้วยต้นทุนขนส่งที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้น กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันและกำลังซื้อในบางกลุ่มธุรกิจ

ภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 51.9 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 52.2 ภาคธุรกิจชะลอตัวลง แต่ได้รับอานิสงส์จากธุรกิจการเกษตรที่อยู่ในระดับสูง และกลุ่มค้าจักรยานยนต์และบริการซ่อมบำรุง

ภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 53.8 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 54.5 ภาพรวมเศรษฐกิจในพื้นที่ชะลอตัวจากกำลังซื้อที่แผ่วลงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังไม่ส่งผลเต็มที่ สภาพอากาศแปรปรวนส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจการเกษตร แม้บางจังหวัด เช่น เชียงใหม่และเชียงราย จะยังได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายช่วงต้นเดือน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 53.8 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 54.8 กำลังซื้อในพื้นที่ชะลอตัวลง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการค้า แต่ธุรกิจภาคการก่อสร้างในจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดบุรีรัมย์ ยังได้แรงหนุนจากโครงการลงทุนภาครัฐที่เดินหน้าต่อเนื่อง

กรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 51.7 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 53.3 ระดับความเชื่อมั่นปรับลดลงมาก เพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่ส่งผลที่ชัดเจนนัก นำไปสู่การลดลงของระดับความเชื่อมั่นในทุกภาคธุรกิจ

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME (SMESI) คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ระดับความเชื่อมั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 54.9โดยได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลมหาสงกรานต์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ปริมาณการผลิต และผลกำไรของภาคธุรกิจในระยะสั้น นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะการขยายหน้าร้านชั่วคราวในพื้นที่จัดงานเทศกาล อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการลงทุนระยะยาวและการจ้างงานยังไม่ฟื้นตัวอย่างเด่นชัด

สิ่งที่ SME ต้องการความช่วยเหลือจากทางภาครัฐคือมาตรการช่วยลดต้นทุน โดยเฉพาะราคาวัตถุดิบอาหารที่เพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่องท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงและยังส่งผลต่อการทำกำไรของธุรกิจ รวมถึงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศและมีผลกระทบเป็นวงกว้าง การเพิ่มช่องทางและโอกาสในการเข้าถึงความรู้ให้กับผู้ประกอบการในทุกภาคส่วนตามที่ต้องการจะเรียนรู้ให้การเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่สอดคล้องกับความต้องการของ SME ในแต่ละขนาดธุรกิจ สำหรับ สสว. ยังมีโครงการหรือนโยบายที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพของธุรกิจ เช่น โค้ชหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่คอยให้คำปรึกษากับผู้ประกอบการที่ต้องการความช่วยเหลือ ผ่าน https://coach.sme.go.th/ หรือ Application SME Connext’ ที่รวบรวมองค์ความรู้ต่าง ๆ รวมถึงบริการต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการ หรือโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business Development Service) ที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการในการช่วยเพิ่มศักยภาพของธุรกิจ เช่น การบริการตรวจสารสำคัญต่าง ๆ ในผลิตภัณฑ์เพื่อนำไปสู่การขอใบรับรองมาตรฐาน เป็นต้น ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ให้บริการ SME ครบวงจรซึ่งตั้งอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ หรือที่ สสว. Call Center โทร. 1301