”ดร.เม่น“โพสต์เดือด ต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องใช้ 4 มาตรการ “เด็ดหัว นายทุน ทำลายที่ตั้งศูนย์โทรศัพท์”

1015

อดีตรอง ผบ.ตร.โพสต์ FB ต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้อง ใช้ 4 มาตรการ เด็ดหัว นายทุน ทำลายที่ตั้งศูนย์โทรศัพท์ หยุดขบวนการนำพาคนไปโทรศัพท์ในศูนย์ หยุดขบวนการที่จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงบัญชีธนาคารของเหยื่อและบัญชีฯ

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์รายงานว่า พล.ต.อ.ดร.ปัญญา มาแม่น อดีต รอง ผบ.ตร.และประธาน อ.ก.ร.ระบบงานและอัตรากำลัง สำนักงานสภาผู้แทนราษฎร ได้โพสต์ข้อความผ่านfacebook มีใจความว่า วันนี้ขอพูดเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นอาชญากรรมข้ามชาติประเภทหนึ่ง จัดตั้งองค์กรแบบแบ่งหน้าที่กันทำ มีเจ้าของคอลเซ็นเตอร์เป็นนายทุนอาจเป็นคนจีนหรือไต้หวันหรือชาติอื่นๆ และจัดตั้งศูนย์โทรศัพท์สำหรับเอาคนที่พูดหรือสื่อสารภาษาเดียวกับเหยื่อ ไปตั้งไว้อีกประเทศหนึ่งเพื่อง่ายแก่การควบคุมและยากต่อการจับกุม เป้าหมายขององค์กรนี้เพื่อเอาเงินออกจากแบงค์หรือสถาบันการเงิน โดยหลอกให้เหยื่อคือผู้มีบัญชีเงินไว้กับธนาคารช่วยเคลื่อนย้ายเงินหรือบอกรหัสเพื่อเคลื่อนย้ายข้อมูลในแบงค์นั้นนั้น

ฉะนั้นการต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เราต้องเด็ดหัว นายทุน ทำลายที่ตั้งศูนย์โทรศัพท์ หยุดขบวนการนำพาคนไปโทรศัพท์ในศูนย์ หยุดขบวนการที่จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงบัญชีธนาคารของเหยื่อและบัญชีม้าบัญชีแมวทั้งหลาย

ผลการต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เท่าที่รับทราบข้อมูลเป็นเพียงพยายามปิดบัญชีม้า/แมว โดยเจ้าหน้าที่รัฐร่วมมือกับธนาคาร

แต่จริงๆแล้วธนาคารจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้โดยตรงเพราะเป็นผู้ครอบครองเงินในบัญชีต่างๆของเหยื่อและจะโดยเจตนาหรือเจตนาเล็งเห็นผลหรือน่าจะควรทราบว่าการเปิดบัญชีม้าแมวแบบผิดปกติจะเป็นส่วนร่วมในอาชญากรรมข้ามชาติซึ่งน่าจะมี ส่วนรับผิด(แพ่งหรืออาญา)หรือรับชอบ(ค่าธรรมเนียมเปิดบัญชีหรือการโอน) แต่การดำเนินการในส่วนนี้ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมไม่ว่าจะเป็นการออกกฏหมายหรือกฎระเบียบให้แบงค์หรือธนาคารเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายที่แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์เคลื่อนย้ายเงินของ เหยื่อไป

รวมทั้งการดำเนินการในการสืบสวนสอบสวนตามพฤติการณ์ที่เป็นจริงโดยตั้งเรื่องว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นอาชญากรข้ามชาติที่มุ่งหมายจะเอาเงินออกจากธนาคารโดยหลอกลวงให้เหยื่อคือผู้เปิดบัญชี กับธนาคารเป็นคนช่วยดำเนินการซึ่งการสืบสวนสอบสวนในแนวทางนี้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบน่าจะเป็นท่านอัยการสูงสุดเพราะความผิดบางส่วนทำนอกราชอาณาจักรไทยหรือถ้าเป็นการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติก็น่าจะเป็นท่าน ผบ.ตร.

อีกข้อสังเกตหนึ่งก็คือผลการปราบปรามที่ผ่านมายังไม่สามารถ นำตัวนายทุนหรือเจ้าของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาดำเนินคดีได้

ที่เห็นๆอยู่ปัจจุบันก็คือความพยายามที่จะไปตัดน้ำตัดไฟไปตัดสายโทรศัพท์ไปตัดสายอินเตอร์เน็ต

อีกทั้งหน่วยที่ใช้ในการดำเนินการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ก็ใช้หน่วยตั้งใหม่ ขนาดจิ๋ว อาจขาดประสบการณ์ในการปราบปราม เหมือนเอามดแดง มดดำไปกัดกับควายซึ่งหนังหนาล้มมันยาก

จากสภาพที่เห็น ข้าพเจ้าซึ่งเคยร่วมในการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ทั้งในไทย และนำทีมไปร่วมกับตำรวจจีนและประเทศอื่นๆ เห็นว่า ผลการต่อสู้น่าจะยังทำให้แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์มีฤทธิ์เดชเพิ่มขึ้นมา ก่อกรรมทำเข็น กับพี่น้องคนไทยให้หวั่นไหวอยู่ร่ำไป

สิ่งที่น่าทำ เพิ่มเติมคือ(1)ป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐไปรับผลประโยชน์หรือส่วยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์

(2) ช่วยประเทศจีนปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในไทยแล้วไปหลอกคนจีนในประเทศจีน ให้ ตำรวจจีนนำผู้ต้องหาเหล่านี้ไปขยายผลให้ถึงนายทุนหรือเจ้าของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของเดียวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งในประเทศอื่นมาหลอกคนไทย

(3) นำธนาคารซึ่งครอบครองเงินของเหยื่อในบัญชีที่เปิดไว้มาเป็นผู้เสียหายในคดีอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ธนาคารจะพัฒนาระบบ AI หยุดยั้งการเคลื่อนเงินหรือข้อมูลที่ผิดปกติได้ หรือนำระบบหน่วงเวลาต่างๆมายุติการนำเงินออกจากธนาคารได้ เหมือนเช่นการที่ธนาคารเป็นผู้เสียหายในคดีแก๊งค์ลักบัตรเครดิตหรือปลอมบัตรเครดิต ธนาคารก็ตั้งศูนย์ตรวจสอบการใช้บัตร เมื่อเห็น ว่าผิดปกติก็จะโทรไปถามผู้ถือบัตร พอรู้เหตุธนาคารก็ไม่จ่ายเงิน โจรก็ไม่ได้เงิน สิ่งที่โจรลงทุนไปก็เสียเปล่าสุดท้ายยอมแพ้

(4) สำหรับตำรวจ น่าจะ ให้กองบัญชาการ ตำรวจสอบสวนกลางเป็นเจ้าภาพในการปราบปรามเพราะมีหน่วยที่มีประสบการณ์ มีหน่วยกำลัง ส่วนหน่วยอื่นๆเป็นหน่วยช่วยสนับสนุน เหมือนเอาช้างไปชนกับควาย โดยเอามดมาช่วยช้าง

นี่คือมุมมองของกระผมครับ อาจเกิดประโยชน์และช่วยทำให้เรายุติปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์หลอกลวงรบกวนคนไทยได้ ขออภัยที่สื่อสารแบบบ้านๆครับ
”พล.ต.อ.ดร.ปัญญา ระบุ

คลิกอ่านfacebookดังกล่าวที่นี่

https://www.facebook.com/share/p/14pGSHqwKs/?mibextid=wwXIfr

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์