”ก.ตร.ตงฉิน“เตือนสติแต่งตั้ง รอบนี้ให้ยึดหลักกฏเหล็ก พ.ร.บ.ตำรวจฯ

204

”ก.ตร.ตงฉิน“เตือนสติแต่งตั้ง รอบนี้ให้ยึดหลักกฏเหล็ก พ.ร.บ.ตำรวจฯ ถอดบทเรียนที่ผ่านมา ฝ่าฝืนอาจต้องรับผิดทางวินัยและอาญาได้

เมื่อวันที่ 11 พ.ย.2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้โพสน์ข้อความผ่านโซเชียลเฟสบุค มีใจความว่า มในการประชุม ก.ตร. เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ระเบียบวาระอื่นๆ ผมได้นำเสนอประเด็นสำคัญให้ที่ประชุมรับทราบเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับนายพล (พล.ต.ต. – พล.ต.อ.) ที่จะต้องนำเสนอให้ ก.ตร. ให้ความเห็นชอบ โดยผมได้ตั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ ดังนี้

1.จากกรณีการแต่งตั้งในปี 2566 ที่มีผู้ร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ(ก.พ.ค.ตร.) โดยยกประเด็นปัญหาเกี่ยวกับกระบวนการแต่งตั้ง วิธีการคัดเลือก การจัดทำข้อมูลบัญชีผู้เหมาะสมเลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่ง รวมถึงการพิจารณาของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง

    ก.พ.ค.ตร. ได้มีคำวินิจฉัยในเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าว ตามคำวินิจฉัยเรื่องดำที่ รท.48/2566 และเรื่องแดงที่ รท.240/2567 ลงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567

    โดยวินิจฉัยว่า ผู้บังคับบัญชาไม่ได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 76 วรรค 2, 78, 81, 82, 83, 88 และกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้ง พ.ศ. 2567

    ดังนั้น จึงขอให้นำคำวินิจฉัยดังกล่าวไปศึกษาและถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การแต่งตั้งดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยคำนึงถึงหลักคุณธรรม ความโปร่งใส และตรวจสอบได้ สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    มิฉะนั้นอาจเกิดกรณีร้องทุกข์ขึ้นอีก ซึ่งหากผู้บังคับบัญชาไม่ดำเนินการโดยชอบ ก็อาจต้องรับผิดทางวินัยและอาญาได้

    2.ในการแต่งตั้งตำแหน่งระดับ ผบก. ถึง ผบช. กฎหมายกำหนดให้พิจารณาผู้มีอาวุโสไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของตำแหน่งที่ว่างในแต่ละระดับ

    ส่วนที่เหลือให้พิจารณาจากอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน

    ดังนั้น หากจะพิจารณาผู้มีอาวุโสในลำดับท้ายหรือผู้ที่เพิ่งครบเกณฑ์ขั้นต่ำเลื่อนสูงขึ้น โดยข้ามผู้อาวุโสกว่า ต้องพิจารณาจากผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ และแสดงให้เห็นเหตุผลอย่างชัดเจนถึงความสมควร

    3.ในการพิจารณาแต่งตั้ง ต้องมีข้อมูลของผู้ที่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการพิจารณาทุกคน อทิ ประวัติการรับราชการ ผลการปฏิบัติงาน ความประพฤติ โดยพิจารณาอย่างรอบด้านและเป็นธรรม ไม่ใช่เฉพาะผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเท่านั้น

    ในส่วนของการตรวจสอบความประพฤติ ขอให้จเรตำรวจแห่งชาติเร่งนำเสนอผลการสืบสวนข้อเท็จจริงในส่วนที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเบื้องต้นประกอบการพิจารณาด้วย

    4.สำหรับผู้ดำรงตำแหน่ง ผบช. หน่วยรอง หรือ ผบช. ประจำ ที่เติบโตจากหน่วยหลัก เมื่อมีตำแหน่ง ผบช. ในหน่วยหลักว่างลง ก็ควรพิจารณาจัดลงในตำแหน่งหลักเหล่านั้นตามลำดับความเหมาะสม แล้วแต่งตั้งผู้ที่เลื่อนขึ้นใหม่ทดแทนในตำแหน่งนั้น ซึ่งจะสอดคล้องกับระบบคุณธรรม เหมือนที่ทหาร ฝ่ายปกครอง ตุลาการ อัยการ ยึดถือปฏิบัติ

    ส่วนหน่วยสนับสนุนนั้น ผมเคยมีข้อสังเกตในที่ประชุม ก.ตร. ว่าควรพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในหน่วยที่มีคุณสมบัติและความรู้ความสามารถเฉพาะทางให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในหน่วย เพื่อให้การปฏิบัติราชการมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ควรยึดหลักคุณธรรมและความเหมาะสมในภาพรวมด้วย

    5.ในวาระนี้มีตำแหน่ง ผบช. หน่วยหลักหลายตำแหน่งว่างลง ได้แก่ ผบช.น. ผบช.ภ.1-4 ผบช.ตชด. ผบช.สตม. และ ผบช.สอท. ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญยิ่ง จึงขอให้พิจารณาแต่งตั้งผู้ที่มีอาวุโส ความรู้ความสามารถ และความเหมาะสม เข้าดำรงตำแหน่ง มิฉะนั้นอาจเกิดความเสียหายต่อทางราชการได้

      ผมมั่นใจว่า ผบ.ตร. และ รอง ผบ.ตร. ในฐานะคณะกรรมการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้ดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะดังกล่าว ก่อนนำเสนอให้ ก.ตร. ให้ความเห็นชอบต่อไป

      ทั้งนี้ ผมเห็นว่าควรมีการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่อสาธารณะในระดับที่เหมาะสม เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการแต่งตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญยิ่งต่อขวัญกำลังใจของข้าราชการตำรวจและความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนที่มีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ”ข้อความดังกล่าวระบุ“

      คลิ๊กอ่านเฟสบุคที่นี่.!!! https://www.facebook.com/share/p/19GYKSXhG7/?mibextid=WC7FNe

      #Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์#พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์#ก.ตร.