“ทักษิณ”ปฎิเสธคดี ม.112 ชี้คลิปไม่ใช่ต้นฉบับ-ศาลนัดสืบพยานกลางปี68

632

“ทักษิณ ชินวัตร ” ปฏิเสธคดีม.112 ศาลนัดสืบพยานกลางปี68 ด้าน วิญญัติ ยืนยัน “ทักษิณ” พร้อมมาสืบพยานทุกนัดพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเอง

วันที่ 19 ส.ค.67 ที่ศาลอาญารัชดา บรรยากาศที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ทางศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีที่ พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญายื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ห้องพิจารณา 913 กรณีให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ของเกาหลีใต้เมื่อปี2558 มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันโดยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งนายทักษิณได้รับการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยตีราคาประกัน 500,000 บาท ซึ่งนายทักษิณนำสมุดบัญชีมาประกันไว้ และศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล

โดยวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ศาลได้นำรั้วเหล็ก มากั้นพื้นที่ให้กับสื่อมวลชนบริเวณบันไดทางขึ้นของศาล พร้อมกับ ตั้งโต๊ะแลกบัตรให้กับสื่อมวลชน รวมถึงการรักษาความปลอดภัยของศาลอาญาก็เป็นไปตามปกติ แต่ได้มีการขอกำลังเสริมจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 และเจ้าพนักงานตำรวจศาลมาเพื่ออำนวยความสะดวก เบื้องต้น ศาลอาญาจะไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าฟังการพิจารณาคดี เเต่จะจัดพื้นที่ไว้ตรงบริเวณบันไดหน้าอาคาร

ต่อมาเวลา 08.05 น. นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงศาลอาญา 

จากนั้นเวลา 08.52 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงศาลอาญา โดยใส่เสื้อสีเหลืองด้านในสวมทับด้วยสูทสีดำ เดินลงจากรถด้วยท่าทางยิ้มแย้ม ก่อนกล่าวว่าไม่มีอะไรต้องกังวล เมื่อถามว่า ได้เตรียมพยานหลักฐานอะไรมาบ้าง ระบุว่า “ไม่มีอะไรมากเป็นเรื่องของทนายความ เป็นคดีที่เกิดขึ้นช่วง หลังการปฏิวัติใหม่ๆ ก็คงเป็นการใช้กฎหมาย กระชับอำนาจ”

นายทักษิณ กล่าวย้ำว่า “ไม่กังวลเลย” เมื่อถามต่อว่าวันนี้ใส่เสื้อสีเหลืองเป็นสัญลักษณ์อะไรหรือไม่ นายทักษิณกล่าวสั้นๆ ว่า “ชัดเจนอยู่แล้ว” หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปในศาล ซึ่งวันนี้นายทักษิณใช้ทนายความถึง 7 คน

สำหรับคดีนี้ อัยการได้ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยต่อศาล เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2567 ในข้อหา หมิ่นเบื้องสูง  และ ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 112 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41ลงวันที่ 21 ต.ค. 2519 ข้อ 1 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3, 14 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 8 โดย นายทักษิณ ได้รับการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยตีราคาประกัน 5 เเสนบาทกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา นายทักษิณ ได้ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ไปยังประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) ระหว่างวันที่ 1-16  ส.ค.2567 เพื่อพบแพทย์เเละมีนัดหมายกับบุคคลสำคัญหลายคน ศาลมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องเเละมีคำสั่งในวันที่ 30 ก.ค. ไม่อนุญาตให้จำเลยเดินทางออกนอกประเทศยกคำร้อง ทั้งนี้ ตามขั้นตอน วันนี้ จำเลยจะต้องเดินทางมาศาลด้วยตนเอง เพื่อตรวจหลักฐานคู่ความ

ทนายวิญญัติ เผยนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์และจำเลยรวม 24 ปาก ก.ค.ปีหน้า ยืนยัน “ทักษิณ” พร้อมมาสืบพยานทุกนัดพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเอง

ต่อมา ภายหลังใช้เวลาตรวจพยานหลักฐานประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาจากศาลอาญา โดยได้ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงด้านหน้า จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามบรรยากาศในการนัดตรวจพยานหลักฐานว่าเป็นอย่างไร นายทักษิณได้กล่าวเพียงสั้นๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า ก็ไม่มีอะไร พร้อมโบกมือซ้าย ก่อนเดินทางกลับออกไปทันที

โดย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณชินวัตร เปิดเผยว่า ในการตรวจพยานหลักฐานคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พศ.2550 กรณีเมื่อปี 2558 นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้โดยมีเนื้อหาพาดพิงสถาบันว่า วันนี้ได้มีการสอบคำให้การของจำเลย โดยนายทักษิณให้การปฏิเสธพร้อมกับนำเสนอพยานหลักฐาน ประกอบไปด้วยพยานบุคคลฝ่ายจำเลยจำนวน 4 ปาก และพยานเอกสารอื่นๆ ซึ่งจะนำเสนอในชั้นพิจารณาคดีต่อไป

ส่วนฝ่ายโจทก์มีพยานทั้งสิ้น 10 ปาก เชื่อว่ามีการสอบสวนไปแล้ว และฝ่ายโจทก์ไม่ได้อ้างพยานเพิ่มเติม เนื่องจากอาจจะเห็นว่าเป็นพยานที่ไม่มีประโยชน์หรืออาจเป็นพยานที่ไม่สามารถพิสูจน์ความผิดของฝั่งจำเลยได้

นอกจากนี้ ยังมีพยานผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ตามคลิปที่ปรากฏในระบบคอมพิวเตอร์ โดยนายวิญญัติ ยืนยันว่า คลิปที่มีการส่งตรวจตั้งแต่แรก เป็นการรวบรวมจากระบบอินเทอร์เน็ตลงในแผ่นซีดี ไม่ใช่หลักฐานจากสถานที่จริง  เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบคลิปที่เป็นประเด็นยืนยันว่าคลิปดังกล่าวไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้ถึงความเป็นต้นฉบับ การตัดต่อและการแปลความเป็นภาษาไทยก็ไม่สมบูรณ์ ในเรื่องนี้มีภาษาอังกฤษเพียงคำเดียวที่เป็นปัญหาและนำไปสู่การกล่าวหานายทักษิณ ซึ่งสอดคล้องกับที่ตนได้เคยแถลงก่อนหน้านี้ว่าหลักฐานของฝ่ายโจทก์เป็นเพียงการรวบรวมคลิป

สำหรับเรื่องคลิปที่ไม่ได้มาจากต้นฉบับจะนำมาเป็นข้อต่อสู้ของจำเลยได้อย่างไรนั้นยังไม่สามารถลงรายละเอียดในเวลานี้ได้ หลังจากนี้จะเป็นการพิสูจน์ความจริงต่อศาล ขึ้นอยู่กับศาลจะรับฟังพยานหลักฐานและมีคำวินิจฉัยอย่างไร อย่างไรก็ตามมองว่าเรื่องนี้ นายทักษิณถูกกระทำจากระบบการกล่าวหา ซึ่งตัวเองมองว่าระบบการกล่าวหาของประเทศไทยยังมีปัญหา หากมีโอกาสก็ควรมีการแก้ไข

สำหรับการสืบพยานหลังจากนี้มีทั้งหมด 7 นัด โดยฝ่ายโจทก์มี 10 ปากใช้เวลา 3 นัดในวันที่ 1, 2 และ 3 กรกฎาคม 2568  สืบพยานฝ่ายจำเลย 14 ปาก จะสืบพยานในวันที่ 15, 16, 22 และ 23 กรกฎาคม 2568  หลังจากนั้นจะจัดทำคำพิพากษาของศาลต่อไป ซึ่งหลังการนัดสืบพยานในปีหน้านั้นเนื่องจากศาลอาญาเป็นศาลใหญ่ มีคดีจำนวนมาก ต้องนัดสืบพยานไปตามลำดับของคดี ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่นั้น ตนเองไม่มีความเห็น

เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายจำเลยจะขอยื่นสืบพยานลับหลังหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ได้รับการยืนยันจากนายทักษิณว่าท่านพร้อมที่จะมาสืบพยานทุกนัด เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วยตัวเองและพิสูจน์ว่าที่ผ่านมาไม่มีเจตนาที่จะก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ และพร้อมที่จะได้แสดงความจงรักภักดีเพื่อให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งประชาชนคนไทยก็เห็นได้อยู่แล้ว แต่ทั้งนี้หากศาลอนุญาตให้มีการสืบพยานลับหลัง ท่านอาจจะไม่ได้เดินทางมาด้วยตนเอง ส่วนนายทักษิณจะมีกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศอีกหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา และในการต่อสู้คดีนี้ นายทักษิณมีความมั่นใจ ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจ กรณีที่เอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณในการรักษาตัวที่ชั้น 14 นี้น นายวิญญัติกล่าวว่า นายทักษิณ ไม่ได้กังวล ซึ่งตัวเองขอยืนยันว่า นายทักษิณป่วยจริง และตัวเองก็เป็นทนายเพียงคนเดียวที่ไปเยี่ยม นายทักษิณ และตัวนายทักษิณก็อยู่ชั้น 14 จริง

ถามต่อว่าหาก ป.ป.ช. เรียกนายทักษิณ ไปให้ปากคำ เจ้าตัวจะพร้อมเข้าให้ข้อมูลหรือไม่ นายวิญญัติ ระบุว่า อยู่ที่ว่านายทักษิณเกี่ยวอะไร เพราะท่านไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่ก็ขึ้นอยู่กับ ป.ป.ช. จะพิจารณาว่าคดีมีมูลหรือไม่มีมูล และจะไต่สวนนายทักษิณหรือไม่ แต่หากมีการไต่สวนนายทักษิณก็ยินดี เพราะท่านกลับเข้ามาในประเทศ ท่านบอกว่าพร้อมที่จะปฏิบัติตามกติกาของสังคม โดยเฉพาะกฎหมาย ไม่เช่นนั้นนายทักษิณคงไม่เข้าสู่กระบวนการ ส่วนกระบวนการจะเป็นอย่างไรนั้น ก็เป็นเรื่องในหลายๆ ส่วนที่เกี่ยวข้อง

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ทักษิณชินวัตร #ข่าวการเมืองอาชญากรรม