อัยการสูงสุด ระบุ “ชัยเกษม ” ไม่มีส่วนในการพิจารณาสั่งไม่ฟ้อง”พิชิต ชื่นบาน”และพวก เมื่อปี 2551 จากกรณีสินบนถุงขนม 2 ล้านบาท
วันที่ 15 ส.ค.67 ที่ อสส. นายประยุทธ เพรชคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้แถลงกรณีที่เมื่อวานนี้( 14 ส.ค.) มีการนำเสนอ เกี่ยวกับ นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุดที่ตอนนี้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งไม่ฟ้องคดีถุงขนม 2 ล้าน ของนายพิชิต ชื่นบาน กับพวก เพื่อเป็นการติดสินบนเจ้าพนักงานในศาล โดยนายนายประยุทธ บอกว่า เป็นข่าวที่คลาดเคลื่อนและบิดเบือนไม่เป็นความจริงซึ่งตามขั้นตอนแล้วนายชัยเกษมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าว
และนายประยุทธ ได้ ชี้แจงขั้นตอนการสั่งไม่ฟ้องดังนี้ ว่า สำนวนคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 สำนักงานคดีอาญา โดยสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 ได้รับสำนวนพร้อมความเห็นเสนอสั่งไม่ฟ้องจากพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม โดยมีการกล่าวหา นายพิชิต ชื่นบาน ผู้ต้องหาที่ 1 นางศุภศรี ศรีสวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ 2 และ นายธนา ตันศิริ ผู้ต้องหาที่ 3 ในข้อหา “ร่วมกันให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่” ตอนนั้นพนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทุกราย โดยเห็นว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 ไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา
จากนั้นก็ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ โดยมี นายสมเจตน์ ชัยเฉลิมปรีชา อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจพิจารณาสำนวน ประกอบด้วย นายยงยุทธ ศรีสัตยาชน อัยการจังหวัดประจำกลุ่ม นายสมบูรณ์ ศุภอักษร อัยการอาวุโส เป็นคณะทำงาน โดยมี นายสมเจตน์ ชัยเฉลิมปรีชา เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ซึ่งคณะทำงานได้ตรวจสำนวนโดยละเอียดแล้วเห็นพ้อง ว่า ควรไม่สั่งฟ้อง พร้อมส่งความเห็นให้ ร้อยตำรวจโท ธานี วุธยากร รองอธิบดีอัยการฯ สำนักงานคดีอาญา เพื่อพิจารณาตามระเบียบซึ่งเมื่อพิจารณาแล้ว ก็เห็นพ้องเล่นกันว่า เห็นควรสั่งไม่ฟ้อง จากนั้นจึงนำสำนวนเสนอให้ นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา พิจารณา และก็มีคำสั่งไม่ฟ้อง รวมถึงความเห็นของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้น ที่ต้องพิจารณาสำนวนต่อ ก็เห็นไม่สั่งฟ้องเช่นกัน ก็ถือว่าคำสั่งไม่ฟ้องของผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเสร็จเด็ดขาดตามขั้นตอนของกฎหมาย
นายประยุทธ ย้ำอีกว่า ขั้นตอนการพิจารณาสั่งสำนวนดังกล่าวนั้นตั้งแต่ต้นจนเด็ดขาดนั้น จะเห็นได้ว่า นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งไม่ฟ้องในสำนวนคดีดังกล่าว ดังนั้นการที่มีการนำเสนอข่าว ว่า นายชัยเกษม อดีตอัยการสูงสุดเป็นคนสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าวนั้น จึงไม่ถูกต้อง และไม่เป็นความจริง
และเมื่อถามถึงเหตุผลในการไม่สั่งฟ้องของนายพิชิต นั้นทาง นายนาเคนทร์ ระบุว่า มองว่าการกระทำของผู้ต้องหาขาดองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 144 โดยเหตุผลหลักๆ จากการพิจารณา มองว่าหม่องหลวง ธิติพงศ์ ชมพูนุช เจ้าหน้าที่ธุรการ ตำแหน่งนิติกร 5 ได้รับถุงที่ภายมนบรรจุเงินจำนวน 2 ล้าน ปรากฎว่า เจ้าหน้าที่ดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดี และในการสอบสวน คำให้การก็บอกว่า ถุงเงินที่นายธนา ผู้ต้องหาคนที่ 3 นำมาให้นั้นไม่ได้มีการพูดหรือสั่ง ว่าให้ทำอะไร หรือไปประสานกับผู้พิพากษาท่านใดในการตัดสินคดีให้ไม่สั่งฟ้องคดีของนายทักษิณ ซึ่งการพิจารณาแล้ว พฤติกรรมของนายธนา ขาดองค์ประกอบความผิด และเมื่อนายธนาไม่มีความผิด ผู้ต้องหาที่เหลือก็ไม่มีความผิดไปด้วยเช่นกัน
นายประยุทธ์ กล่าวเสริม ว่า ข้อเท็จจริง นายพิชิต เป็นทนายความของนายทักษิณ ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นเสมียน และนายธนา เป็นผู้ประสานงานทางคดี และการที่นายธนานไเงินไปให้เจ้าหน้าที่ศาลแต่กลับไม่ได้บอกว่าเงินดังกล่าวนั้นไปทำอะไรต่อหรือนำไปให้ใคร และการที่ให้เงินเจ้าหน้าที่ธุระการไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินคดีและไม่มีข้อเท็จจริงว่าไปเชื่อมโยงกับผู้พิพากษา และเรื่องดังกล่าวก็จบไปตั้งแต่ปี 2551 แล้ว และเป็นคนละเรื่องกับการที่นายพิชิตละเมิดศาล