นายพชร นริพทะพันธุ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีคดีแหม่มอังกฤษบนเกาะเต่า ว่าคดีฯ แปลสภาพกลายเป็น การต่อสู้ทางสื่อ ระหว่าง ผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ กับ ประชาชน หากเรายืนหยัดบนระบบยุติธรรมที่เราหวังพึ่งพิง เจ้าหน้าที่ตำรวจคือด่านแรกที่จะให้ความอบอุ่นและความเชื่อมั่นในความปลอดภัยกับเรา ในเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจคือ ด่านแรกของระบอบยุติธรรม ที่ทำหน้าที่ ป้องกันรักษาความสงบ และ สืบสวนนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ควรทำคือการเอาตัวเองไปอยู่ในการขัดแย้ง เพราะจะเป็นการดิสเครดิตตัวเองโดยปริยาย เพราะการเอาชนะคะคานไม่ได้ช่วยให้ เครดิตตำรวจดีขึ้นแต่กลับแย่ลง หน้าที่หลักคือทำข้อสงสัยให้กระจ่าง และ เป็นที่หน้าเชื่อถือ ของประชาชน
นายพชร กล่าวต่อว่า เป็นเช่นนั้นแล้วจะ กระทบโดยตรงกับระบบยุติธรรม ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักโครงหนึ่งของระบบเศรษฐกิจของประเทศ นึกสภาพว่า ประเทศไหนที่ใครจะอยากไปเที่ยวอยากไปลงทุนหากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่สามารถพึ่งพาได้ เลยอยากฝาก อุดมคติของผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ ที่มีหน้าที่ “พิทักษ์รับใช้ประชาชน” พี่นิพนธ์โดย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (จวน อุฎฐายีมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ 16 เมื่อ พ.ศ. 2499
“อุดมคติตำรวจ
เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่
กรุณาปราณีต่อประชาชน
อดทนต่อความเจ็บใจ
ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก
ไม่มักมากในลาภผล
มุ่งบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
ดำรงตนในยุติธรรม
กระทำการด้วยปัญญา
รักษาความไม่ประมาท”