นายกรัฐมนตรี นำแถลงหลังรุดเข้าที่เกิดเหตุโรงแรมหรู พบชาวต่างชาติเสียชีวิต เผย เป็นเหตุไม่คาดคิด เบื้องต้น ไม่พบการชิงทรัพย์ – ประทุษร้าย ขอรอผลชันสูตรพลิกศพ เชื่อ ไม่กระทบการท่องเที่ยว
วันที่ 16 ก.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุที่โรงแรมชื่อดังย่านราชประสงค์ หลังพบชาวต่างชาติเสียชีวิต 6 ศพ โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าวคือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบ.ช.น. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.
นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่เราไม่คาดคิด ตนเองและผบ.ตร. ผบช.น. จะเป็นผู้ให้รายละเอียดโดยพบว่าเวลา 16:30 น. พบศพชาวเวียดนาม 6 ราย เป็นสัญชาติเวียดนาม 4 ราย สัญชาติอเมริกา 2 ราย สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้ว 24 ชั่วโมง เบื้องต้น จากที่เกิดเหตุ ไม่มีการชิงทรัพย์ ประทุษร้ายเกิดขึ้น สันนิษฐานเบื้องต้นขึ้นอยู่กับการชันสูตรพลิกศพ และกองพิสูจน์หลักฐาน
โดยได้สันนิษฐานว่าได้รับประทานอะไรเข้าไปหรือไม่ ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวการปล้นทำร้าย โดยปัจจุบัน สันนิษฐานว่าอาจมีคนเวียดนามอีกคน ซึ่งยังไม่สามารถหาตัวเจอ แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงน่าจะทราบ และไม่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เมื่อสักครู่ได้คุยกับทางทูตของเวียดนามแล้ว ก็ได้อธิบายไปในเบื้องต้นแล้ว
ด้าน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.กล่าวว่า เหตุดังกล่าวแม่บ้านของโรงแรมจะเข้าไปทำความสะอาดห้องพักชั้น5เพราะห้องต้องเชคเอ้าในตอนบ่าย แต่ไม่ได้เชคเอ้าจึงเข้าไปตรวจในห้องโดยเข้าประตูด้านหลังเพราะห้องพักถูกล็อคจากด้านใน พบผู้เสียชีวิต จึงรีบแจ้งผู้บริหาร ก่อนมีการแจ้งตำรวจลุมพินี จากนั้นทีมฝ่ายสืบสวนสอบสวนเข้าพื้นที่ตรวจสอบ เบื้องต้น มีผู้เสียชีวิต6คน อยู่บริเวณโซนรับแขกด้านหน้า4ราย ห้องนอน2ราย เป็นชาย3หญิง3 ทั้งหมดเดินทางเข้ามาเชคอินที่โรงแรมไม่พร้อมกัน มาชุดแรกวันที่13 ก.ค.พักอยู่ชั้น7รวม4ห้อง และอีกชุดวันที่ 14 ก.ค.พักชั้น 5 จำนวน1ห้อง แจ้งบุคกิ้งมาทั้งหมด7คน แต่เข้าเชคอิน5คน แต่พบศพ 6 คน ขณะนี้ ตม.มีข้อมูลหมดแล้วว่า6ศพ เป็นใครอย่างไร โดยชื่อผู้เสียชีวิตตรงกับที่แจ้งเชคอินกับโรงแรม กำลังตรวจสอบมีการบุคกิ้ง7คนจริงหรือไม่
ที่เกิดเหตุพบว่า4คนที่พักชั้น7 จะเชคเอ้าออกจากโรงแรมเมื่อวานตอนบ่าย โดยมีการเก็บกระเป๋า และเอามารวมกันไว้ห้องชั้น5 จึงสันนิษฐานว่ารู้จักกันเพราะเอากระเป๋าไปรวมกัน แต่ไม่มีการเดินทางออก เพราะคนที่แจ้งหมายมารับไม่พบตัว ไม่มีการลงมาชำระเงิน
ส่วนช่วงเวลาการเสียชีวิตคาดเกิดในเวลา 13.53 น.ของวันที่ 15ก.ค.เพราะเมนูอาหารที่สั่งเป็นอาหารจานเดียว6จาน แต่ไม่มีการรับประทานวางอยู่ห้องรับแขก และพบถ้วยเครื่องดื่มคล้ายการผสมเครื่องดื่มอีก6แก้ว วางอยู่ที่จัดเตรียม5แก้วและบนโต๊ะอาหาร1แก้วถูกดื่มหมด และก้นแก้วพบเศษผงตกค้างในถ้วย ส่งไปตรวจสอบแล้วตรงกับผู้เสียชีวิตทั้ง6ราย
ฝ่ายสืบสวนตรวจร่องรอยการต่อสู้ทำร้ายและรือค้นว่ามุ่งร้ายหรือประสงค์ต่อทรัพย์หรือไม่แต่ปรากฎว่าไม่พบ และข้าวของอยู่ปกติไม่มีถ้วยชามแตก ในส่วนของประตูแม่บ้านตอนไปนั้น ประตูล็อคจากด้านในเข้าไปไม่ได้ แม่บ้านเข้ามาทางประตูด้านหลังจึงพบผู้เสียชีวิต
ฝ่ายสืบสวนนครบาลและตำรวจพฐ.สรุปแนวทางสอดคล้องตรงกันว่า บุคกิ้ง7คนจริงหรือไม่ และต้องเก็บรายละเอียดห้องที่เหลือทั้งหมดและตรวจสอบข้อมูลปูมหลัง หากบุคคลที่7ไม่มีอะไรคือเหตุจูงใจครั้งนี้ ส่วนกระเป๋าเดินทางทั้งหมด ประสานสถานทูตเวียดนามร่วมทำการตรวจพิสูจน์ที่ สน.ลุมพินี เพื่อหาวัตถุพยานที่นำไปสู่การคลี่คลายคดีให้ได้ ว่าบุคคลใดเกี่ยวข้องหรือไม่ เบื้องต้นทั้งหมดไม่ได้ทำร้ายตัวเอง แต่ถูกบุคคลทำให้เสียชีวิต
ถ้วยชากาแฟสีขาว และอีกใบวางบนโต๊ะอาหาร เหมือนมีเศษตกค้างในที่แก้ว ตรวจห้องน้ำพบกระปุกชาและน้ำผึ้งในห้องน้ำ ถูกซื้อมาและใช้แล้ว สภาพของผู้เสียชีวิตย้ำว่าไม่มีบาดแผลมีรายเดียวบาดแผลใบหน้าน่าจะเกิดจากการล้มมาโดนวัตถุของแข็ง โดยฝ่ายสืบสวนนครบาลไล่กล้องตั้งแต่ลงเครื่องและกำลังเก็บรายละเอียดที่โรงแรม ว่าเดินทางไปไหนอย่างไรบ้าง รวมถึงตรวจสอบรายละเอียดร่องรอยหรือสิ่งผิดกฎหมายในห้องทั้งหมด เพื่อหาทุกอย่างที่เกิดในห้องดังกล่าว
ส่วนผู้เสียชีวิตมีความเชื่อมโยงกันอย่างไรยังไม่สามารถตอบได้ กำลังดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดอยู่ รวมถึงห้องที่เกิดเหตุขอให้เจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาอีกสักระยะ ระบบเข้าห้องคีย์การ์ดกำลังตรวจสอบและให้ทางโรงแรมให้ข้อมูล
ตำรวจยังไม่ได้บ่งชี้ชัดว่าถูกวางยา แต่มีบุคคลประสงค์ต่อชีวิตของบุคคลกลุ่มนี้ โดยต้องรอผลการตรวจชันสูตรพลิกศพ และพยานหลักฐานสอดคล้องต้องกันหรือไม่เพื่อให้ทราบสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ย้ำว่าไม่มีร่องรอยการต่อสู้ทำร้าย แต่มีความพยายามมาที่ประตูห้อง2คน แต่มาไม่ถึงล้มลงก่อน
เบื้องต้น พบขวด2ขวดที่ ไม่ใช่ของโรงแรม กำลังตรวจสอบ ส่วนศพมีสภาพคล้ำแต่ก็คาดว่าน่าจะเกิดจากการเสียชีวิตมาประมาณ24ชม. ย้ำว่าเรื่องนี้ไม่คลี่คลายได้ไม่เกินความสามารถของตำรวจ
‘อนุทิน‘ รุดตรวจพื้นที่เกิดเหตุนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 6 ราย ขออย่าพึ่งด่วนสรุปสาเหตุการเสียชีวิต ให้รอผลชันสูตร และการสรุปจากทางตำรวจ
ต่อมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่เกิดเหตุชาวต่างชาติเสียชีวิต 6 ราย ภายในโรงแรมชื่อดังย่านราชประสงค์ โดยระบุว่า ก็รับฟังสรุปจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แต่ยังไม่มีผลสรุปอย่างเป็นทางการ ก็ต้องรอทางตำรวจแถลงอย่างเป็นทางการ
เมื่อถามว่านายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ท่านก็เป็นห่วง และท่านได้มาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเรื่องของการชันสูตรพลิกศพ หรือการเก็บพิสูจน์หลักฐานต่างๆ ก็ต้องรอตามขั้นตอน เพราะเหตุพึ่งเกิด และเพื่อให้ทำทุกอย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่มีรายละเอียด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่ถือว่าสะเทือนขวัญ จึงจะต้องรอให้ข้อมูลนั้นนิ่งก่อน
เมื่อถามว่าจะมีการกำชับอะไรในหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ต้องกำชับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นอกเหนือการควบคุมใดๆ ไม่ใช่เรื่องการทะเลาะวิวาท หรือการฆาตกรรมด้วยสาเหตุที่มีความขัดแย้งกันแต่อย่างใด หากสรุปสั้นๆ ก็คือ “ณ วินาทีนี้ ดูเหมือนเป็นการทำร้ายตัวเอง แต่ก่อนที่จะไปพูดอะไรก็ให้ตำรวจใช้ขั้นตอนการพิสูจน์หลักฐาน และรอการแถลงดีกว่า”
ส่วนจะทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหายหรือไม่นั้น นายอนุทิน ระบุว่า เรื่องนี้ประเทศไทยไม่ได้มีอะไรเสียหาย ผู้เสียชีวิตก็เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา และไม่ได้ถูกคนไทยทำร้าย เราต้องแยกแยะ อย่าไปด่วนสรุปแบบนั้น ประเทศเรากำลังมาดีๆ นักท่องเที่ยวกำลังเข้ามาในประเทศ กำลังสร้างรายได้ให้กับเราอย่างมหาศาล จึงขออย่าพึ่งไปด่วนสรุป
“ผู้เสียชีวิตก็เป็นคนแวดวงเดียวกัน มาด้วยกัน อยู่ในห้องเดียวกัน ซึ่งดูแล้วเบื้องต้นก็ไม่มีใครเข้าไปลอบทำร้าย หรือใช้อาวุธใดๆ เขาคงมี Mission ของเขาอะไรบางอย่าง ซึ่งตรงนี้ก็ต้องรอการพิสูจน์” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่าการมีนักท่องเที่ยวเข้ามาพร้อมกันหลายคน และเกิดการเสียชีวิตถือว่าเป็นความผิดปกติอะไรหรือไม่ นายอนุทิน ย้ำว่า ก็ต้องรอ เพราะตอนนี้เราทราบแล้วว่า กลุ่มดังกล่าวมีการเดินทางเข้ามาในประเทศหลายครั้ง การเดินทางเข้าประเทศไทยก็ปกติทุกอย่าง เราก็ต้องดูสถานที่เกิดเหตุ และหน่วยพิสูจน์หลักฐานก็จะดูพื้นที่อย่างละเอียด โดยเชื่อว่า พรุ่งนี้เมื่อร่างถูกส่งไปชันสูตรแล้ว ความจริงหลายอย่างก็จะเริ่มปรากฏออกมา และตำรวจก็จะเป็นผู้แถลง
ทั้งนี้ รายละเอียดอื่นๆ ยังไม่ทราบ ซึ่งตนเองอยู่ในพื้นที่พอดี จึงเดินทางมาตรวจสอบว่ามีอะไรที่จะกระทบเรื่องการท่องเที่ยวหรือมีขบวนการก่อการร้ายหรือไม่ แต่ในเบื้องต้น ไม่ใช่ ก็ถือว่ายังไม่มีอะไรที่คนปกติทั่วไป หรือประชาชนจะต้องตื่นตระหนก เพราะเหตุการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมทุกอย่าง