นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีฝ่ายกฏหมายพรรคเพื่อไทยชี้แจงถึงการดำเนินคดีจำนำข้าวกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าเป็นคดีการเมือง ว่า เป็นเพราะรัฐบาล คสช. ไม่เคยใส่ใจชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ยังปล่อยให้มีการบิดเบือน เพื่อประโยชน์ของคนบางกลุ่ม เรื่องนี้มีผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมไทยเป็นอย่างมาก
“คดีทุกคดีที่เกิดขึ้นกับนายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ รวมทั้งบริวาร ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นตามกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง เพียงแต่กลุ่มคนเหล่านี้ มีพฤติการณ์ ทำผิดจริง เมื่อสู้คดีไม่ได้ มีทางเดียวคือทำลายกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอำนาจตุลาการว่า ใช้อำนาจกลั่นแกล้ง แล้วนำไปขยายผลทั้งในประเทศ และต่างประเทศเพื่อเรียกร้องความเห็นใจให้ตัวเองได้ประโยชน์ ซึ่งหากมีเสียงข้างมากในสภาฯ ก็จะใช้เช่นเดียวกับกรณีการพยายามออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย เพื่อล้างความผิดทั้งหมด” นายราเมศ กล่าว
นายราเมศ กล่าวอีกว่า ตลอดกว่า 4 ปี คสช.ที่ผ่านมา ไม่เคยช่วยอธิบายถึง ที่ไปที่มาของคดีต่างๆว่า มีความเป็นมาอย่างไร แต่กลับให้กลุ่มคนเหล่านี้มาบิดเบือน ทำเหมือนปิดตาข้างหนึ่งทำเป็นมองไม่เห็น เมื่อคนของพรรคเพื่อไทยไปยื่นหนังสือถึงสถานทูตอังกฤษ ระบุเนื้อหาเป็นอย่างไร รัฐบาลเองต้องดู หากเป็นข้อมูลที่ไม่อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง รัฐบาลก็ต้องดำเนินการ อย่าให้คนเหล่านี้เห็นแก่ประโยชน์ของพวกตน แต่กลับทำลายประเทศ
“หากพรรคเพื่อไทย คิดว่า คดีต่างๆไม่ถูกต้อง หรือโดนกลั่นแกล้งก็ควรประกาศเป็นนโยบายเลยว่า หากได้เสียงข้างมากหลังเลือกตั้งแล้ว จะล้างความผิดที่ศาลเคยตัดสินพวกตัวเองทั้งหมด จะได้ชัดเจน ไม่ต้องมาบิดเบือนข้อเท็จจริงให้สังคมสับสนอีก” นายราเมศ กล่าว