ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ชุดคลี่คลายคดีเรือบรรทุกนักท่องเที่ยว ฟีนิกซ์ เกิดภัยพิบัติทางทะเล จ.ภูเก็ต เป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และ เสียชีวิตจำนวน 47 ราย เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา นัดประชุมชุดพนักงานสอบสวนครั้งแรก หลังจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีคำสั่งแต่งตั้งให้พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ เป็นผู้กำกับดูแลในคดีนี้ โดยใช้เวลาประชุมนานเกือบ2ชั่วโมง
พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ กล่าวว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าคดีไปแล้วร้อยละ 70 ส่วนพยานหลักฐานที่เหลือจะต้องรอจากการตรวจพิสูจน์ซากเรือที่ยังจมอยู่ในทะเล ซึ่งถือว่าเป็นพยานหลักฐานสำคัญ และจะพยายามกู้ซากเรือให้ได้ภายในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ยืนยันว่าการที่เรือจมอยู่ในน้ำเป็นระยะเวลานาน ไม่ได้ทำให้พยานหลักฐานในคดีหายไป เพราะจะมีการตรวจด้านวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบเรือ รวมถึงระบบสูบว่าถูกต้องหรือไม่ และจะต้องหาต้นตอของเรือว่ามีการประกอบในไทยหรือต่างประเทศ มีการประกอบถูกต้องหรือไม่ และตอนนี้จากการสอบสวนพยานไปบ้างแล้ว
นอกจากนี้จะต้องสืบสวนต่อไปว่าจะมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ ใครเป็นเจ้าของบริษัทที่แท้จริง นอกเหนือจากนางสาววรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล อายุ 26 ปีกรรมการบริษัททีซีบลู ดรีม จำกัด ทางตำรวจจะจับผู้ที่เกี่ยวข้องตามพยานหลักฐาน ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นชนชาติใดเป็นพิเศษ แต่จะหาว่าใครเป็นเจ้าของบริษัทที่มีอำนาจที่แท้จริง คดีนี้มีการจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว3ราย แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าซัดทอดถึงใครบ้าง ตำรวจดำเนินการตามพยานหลักฐาน
ส่วนกรณีนี้จะเข้าข่ายทัวร์ศูนย์เหรียญตามที่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องแยกเป็นอีกคดีหนึ่ง ตนเองดูในเรื่องของความประมาทในการเดินเรือจนทำให้มีผู้บาดเจ็บเสียขีวิตจำนวนมาก จากสาเหตุการฝ่าฝืนเดินเรือออกจากฝั่ง ทั้งๆ ที่มีการประกาศเตือนเรื่องสภาพภูมิอากาศแล้ว ซึ่งตนจะต้องมาหาว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบการเสียชีวิต หากพบตัวคนที่เป็นเจ้าของ และคดีเข้าสู่ชั้นศาล ศาลจะยึดทรัพย์เพื่อนำมาชดใช้ให้กับผู้เสียหายต่อไป เช่นเดียวกับคดีการแจ้งความเท็จกับเจ้าหน้าที่ในการจดทะเบียนบริษัท ก็แยกเป็นคดีหนึ่ง