กมธ.ที่ดินบุกเพชรบูรณ์ฟังเสียงเหยื่อสารพิษ รง.ขยะอุตฯ -เหมืองทอง

685

กมธ.ที่ดินฯ ยกคณะรับฟังปัญหาประชาชนเพชรบูรณ์ ศึกษาปัญหาสารพิษปนเปื้อน กรณีโรงงานขยะอุตสาหกรรม-เหมืองทองอัครา แม้ปิด รง.แล้ว ชาวบ้านยังหวั่นลักลอบเปิดใหม่ กังวลรัฐไม่จัดงบฟื้นฟู

ที่ จ.เพชรบูรณ์ วันที่ 25 เมษายน 2567 คณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และประธานคณะกรรมาธิการที่ดินฯ, น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, นายฐิติกันต์ ฐิติพฤติกุล สส.ภูเก็ต พรรคก้าวไกล, นายสมชาติ เตชถาวรเจริญ สส.ภูเก็ต พรรคก้าวไกล และ นายทรงยศ รามสูตร สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ร่วมกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เปิดเวทีรับฟังปัญหาประชาชนในหลายกรณี โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวกับการปนเปื้อนของสารพิษจากอุตสาหกรรมในพื้นทึ่

โดยในช่วงเช้า ได้มีการเปิดเวทีที่วัดม่วงชุมศิริโรจน์ ต.คลองกระจัง อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ร่วมรับฟังปัญหาจากประชาชนบ้านม่วงชุม กรณีได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการจัดการกากอุตสาหกรรมและหลุมฝังกลบขยะ ของบริษัท เอกอุทัย จำกัด ที่นำไปสู่การปนเปื้อนของสารพิษสู่ชุมชน

เวทีเริ่มต้นด้วยการสะท้อนปัญหาจากตัวแทนชาวบ้านถึงสถานการณ์ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน โดยระบุว่าการประกอบกิจการของโรงงานดังกล่าวที่ผ่านมาทำให้สารเคมีไหลลงมาสู่แหล่งน้ำ และปนเปื้อนเข้าสู่อากาศ ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วทั้งชุมชน ผลจากการต่อสู้ร้องเรียนของประชาชนได้นำไปสู่การเข้าตรวจสอบโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม จนเป็นที่พิสูจน์แล้วว่ามีการปนเปื้อนของมลพิษเกิดขึ้นจริง แต่แม้ปัจจุบันโรงงานถูกสั่งปิดไปโดยคำสั่งของกรมโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว แต่ยังคงไม่มีการรับผิดชอบแก้ปัญหาในระยะยาว และชาวบ้านยังมีความกังวลว่าการปิดโรงงานครั้งนี้อาจเป็นเพียงการปิดเพื่อบังหน้า และบริษัทเดิมอาจเปลี่ยนชื่อมาตั้งโรงงานประกอบกิจการใหม่อีกครั้ง หรืออาจจะยังมีการลักลอบประกอบกิจการอยู่ เพราะผลกระทบยังคงมีอยู่อย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งกังวลว่าอาจจะไม่มีการอนุมัติงบประมาณการฟื้นฟูแก้ไขในระยะยาว และเหตุใดจึงไม่มีการสั่งให้เอกชนเป็นผู้รับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น

ทางด้านนายพูนศักดิ์ ระบุว่าหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต้องเร่งรัดการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ตามกรอบระยะเวลาของคำสั่งศาลปกครองและแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบ นอกจากนี้ยังต้องศึกษาปริมาณก๊าซที่เกิดขึ้นจากบ่อฝังกลบเพื่อนำไปกำจัด และแก้ไขปัญหาบ่อฝังกลบเบื้องต้นด้วยการปิดคลุมด้วยแผ่นพลาสติกที่มีความหนาเพียงพอเพื่อป้องกันการชะล้างจนปนเปื้อนไปสู่ภายนอก 

ส่วนระยะต่อไป ต้องมีการแก้ไขที่ระดับกฎหมายและนโยบาย ที่ยังมีช่องโหว่และปัญหามากมายในการบังคับใช้ให้ทันต่อสถานการณ์ เพราะโรงงานลักษณะนี้ หรือโรงงานคัดแยกขยะประเภท 105 ที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับการคัดแยกหรือฝังกลบสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว มีอยู่หลายแห่งทั่วประเทศ สามารถก่อมลพิษในหลายพื้นที่ได้

จากนั้นช่วงบ่าย คณะกรรมาธิการได้เดินทางต่อไปยังพื้นที่ที่มีข้อพิพาทในกรณีเหมืองทองของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด เพื่อเปิดวงรับฟังข้อมูลที่ อบต.ท้ายดง อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ โดยมีประชาชนทั้งฝ่ายสนับสนุนเหมือง ฝ่ายต้านเหมือง และตัวแทนของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด มาร่วมให้ข้อมูลในฝั่งของตัวเอง เพื่อให้คณะกรรมาธิการได้นำข้อมูลไปตรวจสอบเพื่อประกอบการพิจารณาเสนอความเห็นต่อไป