ตั้งใจว่าจะไม่เขียนวิจารณ์นโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน แล้วเพราะเขียนมาหลายครั้งทั้งให้กำลังใจและเสนอทางแก้จากประสบการณ์จริงที่ประสบมา
แต่ต้องวนกลับมาอีกเพราะเห็นสื่อกระแสหลักทั้งวิทยุ โทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ เสนอข่าวอย่างต่อเนื่องและสะดุดกับสปอตวิทยุคลื่น 96.5 รายการเวทีความคิด นำเสนอเกี่ยวกับการปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดว่า”ทรอยเสียเมืองเพราะม้าไม้ ไทยจะเสียเมืองเพราะม้าเม็ด เพชฌฆาตวายร้าย คนเสพซื้อง่ายคนขายลอยนวล” ตรงกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดขณะนี้
แม้รัฐบาลจะประกาศให้เป็นวาระชาติ ไม่สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้ ยิ่งมองลึกลงไปถึงสภาพในชุมชนจะปรากฏข่าวขี้ยาหลอกทำร้ายบุพการี และชาวบ้าน อยู่เนือง ที่สำคัญรุกเข้าไปถึงวัดวาอาราม พระสงฆ์ยึดกุฏิตั้งวงเสพและจำหน่ายเสียเอง ล่าสุดขี้ยาเพี้ยนบุกเข้าไปในโบสถ์ปืนพระประธานตกลงมาโดนเศียรพระพุทธรูปเสียบอกตาย สอบสวนพบว่าเสพยากับพระมา
ขณะที่ในสถานศึกษาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน นักเรียน นักศึกษา ที่ไม่รักดีตกเป็นทาสยาจำนวนไม่น้อย ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งบอกว่า ถ้ารัฐบาลจะปราบปรามยาเสพติดจริงๆ น่าจะเริ่มที่สถานศึกษาและวัดก่อน เพราะเป็นจุดเปราะบางที่มักถูกมองข้ามเพราะไม่คาดคิดว่าจะแพร่ระบาดมากนัก แต่ความเป็นจริงแล้วมีตัวเลขที่น่าใจหาย
“ถ้ารัฐบาลเอาจริงและสังคมไม่ดัดจริต ควรจะเอกซเรย์ในสถานศึกษาและวัดก่อน ด้วยการให้ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระดมกันตรวจปัสสาวะของนักเรียน นักศึกษาและพระสงฆ์ หากพบนำเข้าบำบัดทันที เข้มงวดในทุกกระบวนการและทำไปพร้อมๆกับการปราบปรามผู้ค้าอย่างเฉียบขาด”คุณครูระบุและว่าถ้ารัฐบาลทำได้จริงจะพบว่าจำนวนผู้เสพแบบคาดไม่ถึงแน่นอน
ขณะเดียวกันขอเสนอความจริงอีกชุดหนึ่ง จากประสบการณ์สมัยผู้เขียนทำหน้าที่รายงานข่าว ทั้งที่เวลาทอดยาวมานานและคิดว่าไม่น่าจะมีแล้ว เมื่อตรวจสอบกับแหล่งข่าวในกรมราชทัณฑ์และตำรวจพบว่ายังคงอยู่ ยิ่งเห็นข่าวเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ค้ารายหนึ่งในจ.กระบี่ ตรวจสอบพบว่าเคยติดคุกคดีค้ายา ทำให้เชื่อว่าชุดความจริงที่จะเล่ายังมีอยู่จริง
ช่วงรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร มีการปราบปรามอย่างเด็ดขาดผู้ค้ารายใหญ่ถูกจับกุมติดคุกยาว ต่อมารัฐบาลทักษิณ ถูกเผด็จการทหารโค่น ยาเสพติดกลับมาแพร่ระบาดเหมือนเดิม ตำรวจจับผู้ค้ารายย่อยส่งเข้าคุก ระหว่างติดคุกจะมีผู้ค้ารายใหญ่ที่ยังไม่พ้นโทษเป็นขาใหญ่ในคุก ให้ลูกน้องเรียกผู้ค้ารายย่อยไปพบชักชวนไปร่วมแก๊ง หากตกลงจะบอกว่าเมื่อพ้นโทษให้ไปติดต่อเครือข่ายที่อยู่นอกคุกแล้วจะตั้งให้เป็นเอเย่นต์ด้วย เมื่อผู้ค้ารายย่อยพ้นโทษเดินทางไปพบเครือข่ายตามที่ขาใหญ่แนะนำ พอเจรจาตกลงเงื่อนไขกันเรียบร้อยจะทำหน้าที่ค้ายาอย่างสบายใจเฉิบ วงจรค้ายาจะดำเนินต่อแบบแชร์ลูกโซ่
อดีตเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คนหนึ่งเล่าว่า นักค้ารายใหญ่ที่ติดคุกไม่อยากจะออกจากคุก เพราะอยู่ในคุกทำธุรกิจค้ายาได้ง่ายกว่า ผู้คุมนอกแถวจะให้การดูแลเป็นพิเศษเพราะจ่ายปัจจัยแบบไม่อั้น บางเรือนจำในกรุงเทพฯช่วงเทศกาลปีใหม่ขาใหญ่ในคุกจะเลี้ยงเจ้าหน้าที่แบบไม่อั้น ถึงขั้นสั่งอาหารจากร้านอาหารดังด้วยมูลค่านับล้านเพื่อเลี้ยงดู
“แม้กรมราชทัณฑ์จะมีเรือนจำความมั่นคงสูงไว้ขังนักโทษค้ายารายใหญ่ที่เขาบิน ราชบุรี สกัดการติดต่อทุกทางห้ามใช้โทรศัพท์มือถืออย่างเด็ดขาด แต่ขาใหญ่ยังสามารถใช้โทรศัพท์สั่งการแก๊งค้ายาอย่างสะดวก”อดีตเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์บอกและว่าพวกเขายอมจ่ายในราคาสูงลิ่วเพื่อให้ธุรกิจค้ายาเดินหน้าอย่างสะดวก ซึ่งวิธีนี้ยังดำเนินการตามปกติและยาวนานมาหลายปี โดยไม่มีใครกล้าแตะเพราะปัจจัยถูกแจกจ่ายอย่างทั่วถึงทุกระดับยันบิ๊กๆในกระทรวงชุดความจริงนี้มองเผินๆอาจจะไม่จริงก็ได้ แต่นายกรัฐมนตรีลองสั่งการให้สืบในทางลับดูก็ไม่เสียหาย ถ้าไม่จริงถือว่าโชคดีที่การค้ายาผ่านคุกถูกสกัดแล้ว หากเจอต้องจัดการแบบเด็ดขาด จะช่วยตัดเส้นทางค้ายาได้อีกเปราะหนึ่ง
ดังนั้นเมื่อมองบริบทโดยรวมทั้งการแพร่ระบาดในกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและพระสงฆ์ รวมถึงองค์กรค้ายาที่ตั้งแก๊งสั่งการจากเรือนจำ อนุมานได้ว่ายาเสพติดยังแพร่ระบาดอยู่ในเกือบทุกภาคส่วน โดยมีเจ้าหน้ารัฐนอกแถวรู้เห็นเป็นใจ
จึงได้แต่วิงวอนให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เอาจริงเอาจังปราบปรามแบบเบ็ดเสร็จเฉียบขาดเสียที่ หากยังวางเฉยให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันประชุมแล้วออกมาพ่นเพื่อสร้างภาพไปวันๆพลเมืองของประเทศจะอ่อนแอเพราะพิษม้าเม็ดอย่างแน่นอน
ถ้านายเศรษฐา คิดไม่ออกว่าจะจัดการอย่างไร ลองปรึกษากับนายทักษิณ ชินวัตร ดูเพราะเขาเคยทำได้ผลมาแล้ว จากนี้ไปจนกว่าสิ้นปี 2567 “จอมมารน้อย”ไม่ขอวิจารณ์นโยบายปราบปรามยาเสพติดอีกแล้วเพราะระอากับบทบาทขี้ม้าเลียบค่ายของรัฐบาลเต็มที !!!