ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีนายศุภชัย คัฬหสุนทร ที่กระโดดลงมาจากชั้น 8 ศาลอาญารัชดา จนเสียชีวิตเนื่องจากเกิดความเครียดและผิดหวังหลังศาลฯยกฟ้องคดีที่นายธนิต คัฬหสุนทร ลูกชาย ถูกคนร้ายแทงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 15 เม.ย.2559 ที่ผ่านมา ว่า เรื่องนี้ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น สำนวนมีความบกพร่องตรงไหน จุดใด แล้วให้กลับมาชี้แจง เพราะเรื่องนี้พนักงานสอบสวนได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาให้พนักงานอัยการไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นดุลยพินิจของท่าน
“ที่ผ่านมาผมกำชับตลอดว่าทุกคดีต้องสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่ ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคดีดังหรือไม่ดังก็ให้ความสำคัญเท่ากัน แต่บางคดีก็มีข้อจำกัดในเรื่องการหาพยานหลักฐาน เช่นกล้องวงจรปิดใช้ไม่ได้ มองไม่เห็น หรือหลักฐานไปไม่ถึงจริงๆตรงนี้ก็อาจจะเป็นจุดอ่อนของสำนวนก็ได้ ซึ่งเรื่องกล้องวงจรปิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯก็กำชับตลอด เพราะเป็นเรื่องสำคัญในการสืบสวนสอบสวน ยืนยันว่าทุกคดีตำรวจทำเต็มที่ บางคดียากๆ อย่างเช่นคดีฆ่าหั่นศพตำรวจก็ทำได้ คดีนี้ก็ต้องกลับไปดูว่ามันมีส่วนบกพร่องตรงไหนอย่างไร ถ้าตำรวจทำไม่ดีผมก็ต้องลงโทษอยู่แล้ว”ผบ.ตร. กล่าว
ส่วนกรณีที่ทางครอบครัวของผู้เสียหาย ออกมาระบุ ว่าตำรวจให้ครอบครัวแสวงหาพยานหลักฐานฝ่ายเดียว ผบ.ตร. กล่าวว่า ต้องสอบถามไปยังสถานีตำรวจนครบาลที่เป็นเจ้าของคดี เพราะทุกคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจแสวงหาพยานหลักฐานเต็มที่อยู่แล้ว ที่ผ่านมาไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติ โดยปกติตำรวจจะแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานก่อน และเรื่องนี้ก็ไปถึงศาลชั้นต้นแล้ว จากนี้ก็ต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อใช้เป็นการต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ ถ้าหากญาติผู้เสียหายจะขอรื้อหรือโอนคดีไปกองปราบปรามก็เป็นสิทธิ์ของญาติ แต่ก็ต้องพิจารณาว่าสามารถทำได้หรือไม่