หน้าแรกบทความจากแตรปลุกถึงแตรนอน: ยุทธศาสตร์ดับไฟใต้

จากแตรปลุกถึงแตรนอน: ยุทธศาสตร์ดับไฟใต้

“ไฟใต้” จะดับได้ต่อเมื่อมีความเป็นเอกภาพในยุทธศาสตร์ ซึ่งขณะนี้ไม่มีความเป็นเอกภาพ หมายถึงความเข้าใจตรงกัน เข้าใจในยุทธศาสตร์ร่วมกัน มีการปฏิบัติตรงตามยุทธศาสตร์ของทุกภาคส่วนประชาชนและสื่อมวลชนมีความเข้าใจและมีการสื่อสารที่สนับสนุนยุทธศาสตร์ร่วมกัน เพราะทุกวันนี้ความเข้าใจของประชาชนนอก 3 จังหวัดภาคใต้ ก็มีผลกระทบต่อการแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดภาคใต้อย่างมากเช่นกัน

ยุทธศาสตร์คือการใช้การเมืองนำการทหารที่แท้จริง การใช้การเมืองนำการทหารไม่ได้แปลว่า ไม่จับ ไม่ปราบปราม หรือเข้าทางมุสลิม ไม่เข้าทางไทยพุทธ แล้วก็เอะอะโวยวาย ไม่รู้เรื่องดำเนินยุทธศาสตร์ไม่ได้ “ไฟใต้” ก็ไม่ดับ เพราะการเมืองนำการทหาร หมายถึงการลดเงื่อนไขที่ทำให้จับอาวุธขึ้นสู้ รวมทั้งสร้างเงื่อนไขในการวางอาวุธและเข้ามาร่วมมือกันด้วยสันติวิธี การส่งกำลังขนาดใหญ่เข้าปราบปรามทำไม่ยาก แต่จะทำให้พ่ายแพ้สงครามในที่สุด และอาจดึงการก่อการร้ายสากลเข้ามาถึงในใจกลางพระนครวุ่นวายไปหมดทั้งชาติ เช่นประเทศอื่นๆ ที่กำลังเผชิญภัยร้ายอยู่ทุกวันนี้!

พลังแห่งการใช้อำนาจรัฐ หรือพลังแห่งการใช้อำนาจเงิน งบประมาณมหาศาลได้พิสูจน์แล้วว่า ไม่สามารถแก้วิกฤตการณ์ปัจจุบันได้ จำเป็นต้องสร้างพลังทางสังคมอันมหาศาลที่ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์แต่รวมพลานุภาพเข้าไว้ในตัว พร้อมเพื่อนไปบนเส้นทางมัชฌิมาปฏิปทา นี่เป็นข้อเสนอเอกภาพยุทธศาสตร์ “ดับไฟใต้” บางตอนของ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโสเคยระบุไว้

นพ.ประเวศ กล่าวว่า การรุกทางการเมืองและชนะใจประชาคมมุสลิม แม้ไม่ชนะใจกลุ่มติดอาวุธ แต่จะนำไปสู่การยุติสงครามในที่สุด โดยเฉพาะ “รัฐบาล” ควรรีบสร้างความเป็นเอกภาพในยุทธศาสตร์ โดยเชิญทุกฝ่ายเข้ามาร่วมปรึกษาหารือในการกำหนดยุทธศาสตร์ให้เป็นเอกภาพ และช่วยกันขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อย่างเป็นเอกภาพไม่ใช่การตั้งหน่วยงานซ้ำซ้อนไม่สิ้นสุด

ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เราไม่สามารถแก้ได้เป็นการบอกอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับสมรรถนะของชาติ!!

ที่สำคัญต้องทำความเข้าใจองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการต่อการร้าย มีหลายองค์ประกอบ เช่น กลุ่มที่อยู่ในต่างประเทศทางตะวันออกกลางที่ทำงานทางการเมืองระหว่างประเทศและหาทุนสนับสนุนกลุ่มนำทางความคิดที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลุ่มผู้ถืออาวุธและประชาคมมุสลิมใน 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายแต่อาจเป็นเกาะกำบังให้ผู้ก่อการร้ายแฝงตัวและหลบนี้

ทั้งหมดนี้ไม่ได้สัมพันธ์กันโดยการ “สั่งการ” ที่จะมีใครคนใดคนหนึ่งสั่งให้หยุดหรือสั่งให้ยิงได้ พวกเขามีอิสระต่อกันแต่สัมพันธ์กันทางความคิดและเหตุการณ์
ถ้าเราศึกษาอดีตแล้วจะเข้าใจปัจจุบันและแก้ไขปัญหาได้ในอนาคต ไม่ใช่เจรจาแค่ฝ่ายเดียวหรือเดินหลงทาง “เช่นทุกวันนี้”!!


 

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img