ตร.ถอดกับดักชีวิต-9.3 ล้านคนเฮ..!! “ล้างประวัติอาชญากรรมเชียร์เดินหน้าอัพเดททุกหนึ่งปี”

287


          แม้ในห้วงเวลากว่า 1 เดือนที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล นั่งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) จะมีข่าวเชิงลบกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรสีกากีอยู่บ้าง แต่ในข่าวร้ายย่อมมีข่าวดีให้ประชาชนได้ใจชื่นและเห็นความตั้งใจในการบริหารจัดการให้ประชาชนได้ประโยชน์แบบเต็มๆนั่นก็คือโครงการลบประวัติอาชญากรรมล้างความผิดให้ประชาชนกว่า 9.3 ล้านคน


โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ บอกถึงที่มาของโครงการว่า ช่วงที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เป็น ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ขณะเป็นผู้ช่วยผบ.ตร.จัดทำโครงการเพื่อแก้ปัญหาบุคคลที่มีประวัติเกี่ยวกับอาชญากรรม จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีรายการที่ยังไม่เคยรายงานผลคดีถึงที่สุดในฐานข้อมูลกองทะเบียนประวัติอาชญากรกว่า 13 ล้านรายการ

“พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เร่งรัดติดตามผลคดีถึงที่สุดเป็นประจำทุกเดือนภายในระยะเวลา 1 ปีเศษสามารถลบหรือคัดแยกประวัติอาชญากรรมให้แก่บุคคลที่เข้าเกณฑ์ตามระเบียบขณะนั้นประมาณ 2 ล้านรายการ ต่อมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.รับไม้ต่อสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กำกับดูแลแก้ไขปรับปรุงระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดีลักษณะที่ 32 การพิมพ์ลายนิ้วมือ พ.ศ.2566 ซึ่งได้ลงนามและมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 29 วรรคสอง เป็นไปตามหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ ในคดีอาญาหากไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้สันนิษฐานว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิดโดยมีการปรับปรุง”พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ระบุ

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ บอกถึงแนวการจัดเก็บว่าการจัดเก็บประวัติบุคคลแบ่งเป็น 3 ทะเบียน คือ 1.ทะเบียนประวัติผู้ต้องหา 2.ทะเบียนประวัติอาชญากร และ 3.ทะเบียนประวัติผู้กระทำผิดที่มิใช่อาชญากรและปรับปรุงหลักเกณฑ์การถอนประวัติออกจากฐานข้อมูลของกองทะเบียนประวัติอาชญากรเป็น 9 ข้อ คือมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง ยกฟ้อง มีกฎหมายยกเลิกความผิดนั้น ผู้เสพยาเสพติดที่ผ่านการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาที่มีผลเป็นที่น่าพอใจ ผู้ที่ได้รับการนิรโทษกรรม มีกฎหมายล้างมลทินได้รับการอภัยโทษ ไม่มีการกระทำผิดซ้ำภายใน 20 ปี ผู้ต้องหาที่เป็นเด็กหรือเยาวชน มีคำพิพากษาใหม่ว่ามิใช่ผู้กระทำผิด และคดีขาดอายุความ

  “ผลการแบ่งทะเบียนในการจัดเก็บทำให้มีบุคคลที่มีอยู่ในทะเบียนประวัติอาชญากรรมเพียง 3,729,173 คน จากทั้งหมด 13,051,234 คน สามารถคืนสิทธิให้ประชาชนจากโครงการนี้กว่า 9.3 ล้านคน”ผบ.ตร.ระบุ

และว่าโครงการนี้เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างมาก เพราะที่ผ่านมามีประชาชนจำนวนมากที่เคยมีประวัติถูกดำเนินคดีอาญา ศาลพิพากษายกฟ้อง อัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่ยังมีประวัติอาชญากรรมอยู่ในฐานข้อมูล ถูกตัดสิทธิไม่ได้รับการพิจารณาเข้าทำงาน ขาดโอกาสในการทำงาน ทำให้ขาดรายได้

   ที่จั่วหัวว่ากว่า 9.3ล้านได้เฮและคำว่าประชาชนใจชื่นกับโครงการนี้ เพราะในอดีตที่ผ่านมาประชาชนที่ทำผิดคดีอาญาเล็กๆน้อยๆ ศาลพิพากษายกฟ้อง อัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือพนักงานสอบสวนบันทึกหลักฐานผิดพลาด เช่น เลขบัตรประชาชน ต่างเดือดร้อนกันทั่วหน้า เพราะประวัติอาชญากรรมยังคาอยู่

หลายคดีที่คดีถึงที่สุด ชาวบ้านที่ต้องคดีเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้ดำเนินการเกี่ยวขอถอนประวัติออก เพราะคิดว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คงลบประวัติให้แล้ว บางคนเดินทางไปต่างประเทศพอยื่นหนังสือเดินทางให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบ พบว่ามีประวัติอาชญากรรมค้างอยู่ พลาดโอกาสที่จะเดินทาง ต้องกลับมาเดินเรื่องถอนประวัติ บางคนไปสมัครงานทั้งภาครัฐและเอกชน พอถึงขั้นตอนตรวจสอบประวัติพบว่ายังไม่ถูกลบออก ทำให้ขาดโอกาสที่จะสมัครเข้าทำงาน ต้องกลับมาดำเนินการขอลบประวัติ

  ซึ่งการขอลบประวัติมีขั้นตอนที่ซับซ้อนพอสมควร หากไม่มีเส้นสายคอยช่วยเหลือจะใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะสำเร็จ

    เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าระบบราชการไทยขั้นตอนเยอะ แม้จะมีเทคโนโลยีช่วยขับเคลื่อนแต่ข้าราชการไทยมักจะเล่นองค์ บางครั้งต้องมีค่าน้ำหมึกหล่อเลี้ยงถึงจะได้ตามที่หวัง

    ถือว่าโครงการนี้เป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 3 ผบ.ตร.ได้ขับเคลื่อนก่อเกิดผลดีกับประชาชนกว่า 9.3 ล้านคน ที่ติดกับดักของชีวิตมาค่อนข้างยาวนาน

  หากเป็นไปได้อยากให้ผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการแบบต่อเนื่องอัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม จัดการลบประวัติให้ประชาชนที่ต้องคดีอาญาผ่านกระบวนการยุติธรรมจนคดีถึงที่สุดกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นประจำทุกปี

      ผลดีนอกจากจะตกกับประชาชนแล้ว ยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรตำรวจอีกต่างหาก เพราะเป็นการทำงานบริการเชิงรุกแบบที่ประชาชนไม่ต้องร้องขอ !!!