ชี้ปมจับ”ลูกเขยชาดา” สะท้อนปราบผู้มีอิทธิพลเหลว นายกฯเมินจัดหนัก”3 บิ๊ก จว.”?

938

               
           พลันที่ได้อ่านข่าวตำรวจ ปปป.พร้อมเจ้าหน้าที่ป.ป.ท.และป.ป.ช. ซ้อนแผนบุกจับ นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี ลูกเขยนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมพวก รวม 5 คน ข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ หลังผู้ประกอบการโครงการก่อสร้างระบบประปา ต.ตลุกดู่ ร้องเรียน

           ทำให้นึกถึงบัญชีรายชื่อบุคคลเข้าข่ายผู้มีอิทธิพลที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดทำและส่งให้ ที่นายชาดา ในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรง ตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลของรัฐบาล มีจำนวน 805 รายชื่อ ว่าใน จ.อุทัยธานี มีชื่อนายวีระชาติ รวมอยู่ด้วยหรือไม่ ?

    เพราะถ้าดูจากพฤติกรรมที่ตำรวจได้รับร้องเรียนจากผู้ประกอบการ ระบุว่า จังหวัดอุทัยธานี จัดทำโครงการก่อสร้างระบบประปา ใน ต.ตลุกดู่ เปิดให้ผู้ประกอบการเข้ายื่นประมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ผู้เสียหายสนใจยื่นประมูล 2 แห่ง

    หลังเข้าร่วมประมูลไม่นานมีบุคคลปริศนาข่มขู่ให้ถอนตัวอ้างว่าผู้ใหญ่อยากได้โครงการนี้ไปทำ พร้อมเสนอเงินหลายหมื่นบาทเป็นค่าเสียเวลา ผู้เสียหายปฏิเสธ และชนะประมูลทั้งสองโครงการ หลังชนะประมูลผู้เสียหายไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้

  เนื่องจากมีกลุ่มอิทธิพลมืดล็อบบี้สั่งห้ามร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง แคมป์ปูนซีเมนต์ทุกแห่งในพื้นที่อุทัยธานี ขายให้ผู้เสียหาย จึงไม่สามารถดำเนินงานจัดสร้างได้ตามแผนที่วางไว้

    กระทั่งเดือนกันยายนนายวีระชาติ เรียกผู้เสียหายเข้าพบ 3 ครั้ง พร้อมยื่นข้อเสนอให้จ่ายเงิน 1 ล้านบาท เพื่อจะได้เข้าดำเนินการก่อสร้างทั้ง 2 แห่งได้ ผู้เสียหายเจรจาลดหย่อนเหลือ 6 แสนบาท หลังจากนั้นผู้เสียหายได้เข้าร้องเรียนต่อตำรวจปปป. เจ้าหน้าที่ป.ป.ท.และป.ป.ช. จนวางแผนจับกุมได้ยกแก๊ง 5 คน  


  จากพฤติกรรมดังกล่าวพออนุมานได้ว่าเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล เพราะอย่าลืมว่านโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)นัดแรก

      ต้นเหตุมาจากเหตุการณ์ตำรวจทางหลวงถูกยิงตายในบ้านพักของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก จ.นครปฐม จากนั้นประวัติของกำนันนกถูกตีแผ่ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่มีการฮั้วประมูลโครงการต่างๆกว่า 7 พันล้านบาท

    หากเทียบพฤติกรรมของนายวีระชาติ กับกำนันนก คงไม่แตกต่างกันหนัก เพียงแต่อิทธิพลของนายวีระชาติ อยู่ในพื้นที่อุทัยธานี แต่กำนันนกแผ่อิทธิพลในหลายจังหวัด  

    แต่ในบัญชีรายชื่อผู้มีอิทธิพลของจังหวัดอุทัยธานี กลับไม่มีชื่อนายวีระชาติปรากฏ ซึ่งนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ เจ้าเมืองอุทัยธานี ให้เหตุผลว่า”บุคคลเข้าข่ายผู้มีอิทธิพล ถือเป็นคำจำกัดความกว้างๆ ได้สอบถามประชาชนในพื้นที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครบอกว่านายวีระชาติ เป็นผู้มีอิทธิพล เป็นเพียงนายกเทศบาลตำบลเท่านั้น”

   ฟังคำอธิบายแล้วพออนุมานได้ว่านายธีรพัฒน์ มีความรอบรู้ในการที่จะปกครองชาวบ้านทั้งจังหวัดแค่ ไหน เพราะหากดูพฤติกรรมของนายวีระชาติ ตามที่ผู้เสียหายร้องเรียนเกิดมาตั้งแต่เริ่มเปิดประมูลงานแล้ว แต่เจ้าเมืองกลับไม่รู้เบาะแสเลยหรือ ?

    แสดงว่างานการข่าว 3 บิ๊กจังหวัด ประกอบด้วย ผู้ว่าฯ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(ผบก.ภ.จว.)อุทัยธานี และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด(ผอ.รมน.จว.) สอบตก หรือรู้แต่ทำไขสือเพราะเกรงใจนายชาดาใช่หรือไม่ ?

   สำหรับผลคดีของนายวีระชาติกับพวก จะลงเอยแบบติดคุกหรือยกฟ้องเพราะพยานเกรงกลัวอิทธิพล สุดจะคาดเดา

    แต่ปรากฏการณ์ครั้งนี้ทำให้เห็นว่านายเศรษฐา ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการปราบปรามผู้อิทธิพลเท่าที่ควร หรืออาจจะเป็นเพราะผู้ต้องหาเป็นลูกเขยของรัฐมนตรีเลยเกิดความเกรงใจ แสดงความเห็นแบบตามน้ำว่า

”เห็นข่าวแล้วตกใจเหมือนกัน แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วย หากผิดจริงต้องดำเนินการตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องรัฐมนตรี”

    จนไม่แน่ใจว่านายเศรษฐา ได้ลืมนโยบายที่สั่งในที่ประชุมครม.นัดแรกให้ปราบปรามผู้อิทธิพลไปหรือยังตามที่โฆษกรัฐบาลถ่ายทอดออกมาว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งทีมกวาดล้างผู้มีอิทธิพล ฮั้วประมูล จ่ายส่วย ซื้อตำแหน่ง ยาเสพติดและกิจกรรมสีเทาต่างๆ โดยให้เป็นตัวชี้วัดในระดับจังหวัด ได้แก่ ผู้ว่าฯ  ผบก.ภ.จว. และผอ.รมน.จว. ถ้าเอาไม่อยู่ทั้งสามต้องรับผิดชอบ ถ้าอยากรักษาตำแหน่งเอาไว้ต้องตอบสนองนโยบายนี้ให้ราบคาบ รวดเร็ว”

   ถ้าหากนายเศรษฐา ไม่ลืมคงได้เห็นมาตรการลงโทษ 3 บิ๊กของจังหวัด แต่ถ้าวางเฉยขอกล่าวหาว่าทำงานแบบลูบหน้าปะจมูกเอื้อประโยชน์พวกพ้อง คิดนโยบายเพียงเพื่อดับกระแสมากกว่าที่จัดการปัญหาอย่างจริงจัง การปราบปรามผู้มีอิทธิพลคงเป็นแค่นโยบายฝันเปียก !!!