ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป.),ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจปฏิบัติการปราบปรามการค้างาช้าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศงช.ตร.)ประธานคณะอนุกรรมการด้านการกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย ตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และนายพร้อมชาย สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากรได้ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการจับกุมขบวนการลักลอบค้างาช้างข้ามชาติ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2561 เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรได้ทำการตรวจยึดพัสดุไปรษณีย์ต้องสงสัย ถูกส่งมาจากไปรษณีย์ สาขาพะวง จ.สงขลา ปลายทางที่ทำการไปรษณีย์ อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ จำนวน 3 กล่อง หลังมีการเปิดตรวจพิสูจน์ ปรากฏว่าภายในบรรจุงาช้างดิบจำนวน 4 ท่อน น้ำหนักรวม 20.39 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 1 ล้านบาทเศษ จากการตรวจพิสูจน์ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยืนยันว่าเป็นงาช้างจากประเทศแอฟริกา
พล.ต.อ.เฉลิมเกียติ เปิดเผยว่า คดีนี้ จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผบก.ปทส. ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนทำการสืบสวนขยายผล ซึ่งจากการขยายผล ทราบว่า ผู้ส่ง คือ นายเอกพล ชูดวง อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/1 หมู่ 1 ต.กระดังงา อ.สทิงพระ จ.สงขลา ต่อมาวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 พนักงานสอบสวน บก.ปทส. จึงได้ขออนุมัติออกหมายจับต่อศาลอาญาและศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับนายเอกพล ฯ ตามหมายจับ ที่ 999/2561 ฐาน “นำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยไม่ได้รับอนุญาต, ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจํานํา หรือรับไว้ด้วยประการใดซึ่งของของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560” จากนั้น พล.ต.ต.ปัญญาฯ ผบก.ปทส. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สิริณัฐ ศิรบุญภาคย์ ผกก.6 บก.ปทส. เฝ้าติดตามตัวและสามารถทำการจับกุมตัว นายเอกพลฯ ได้ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2561 และนำไปตรวจค้นที่บ้านพัก พบเศษงาช้าง จำนวน 21 กล่อง หนักรวม 128.8 กิโลกรัม เศษปลายงาช้าง จำนวน 68 ชิ้น น้ำหนักรวม 9 กิโลกรัม เศษผงงาช้าง จำนวน 4 กล่อง น้ำหนักรวม 13.5 กิโลกรัม กระดูกช้าง จำนวน 2 ชิ้น น้ำหนักรวม 2 กิโลกรัม สิ่งประดิษฐ์ที่ทำจากงาช้าง จำนวน 1 กล่อง น้ำหนักรวม 18.5 กิโลกรัม ไม้พยุง จำนวน 48 ชิ้น/ท่อน น้ำหนักรวม 84 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังพบเครื่องจักรสำหรับใช้ทำสิ่งประดิษฐ์ที่ทำจากงาช้าง สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร (จำนวน 8 เล่ม) สมุดบันทึกการค้างาช้าง (จำนวน 6 เล่ม) และใบแสดงรายการ รับ-ส่ง สินค้าทางไปรษณีย์ จำนวน 1 เล่ม ซึ่งนายเอกพลฯ รับว่า มีอาชีพเป็นช่างแกะสลักงาช้างและเป็นผู้ส่งงาช้างจริง โดยมีนายทุนใน จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นผู้สั่งให้ส่งให้ลูกค้า
และจากการเปิดเผยของทีมสืบสวนขยายผลพบว่า นายเอกพลฯ มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มพ่อค้างาช้างและช่างแกะสลักงาช้างในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ สุรินทร์และบุรีรัมย์ โดยมีการติดต่อกันทางเฟสบุ๊คและทางโทรศัพท์ ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 บก.ปทส. นำโดย พ.ต.ท.พากษกรณ์ เจนใจ สว.กก.4 บก.ปทส. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พยุหะคีรี, เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 นครสวรรค์ และ เจ้าหน้าที่ทหาร กกล.รส.จว.นครสวรรค์ เข้าตรวจค้นบ้านผู้ต้องสงสัยในพื้นที่ อ.พยุหะคีรี จว.นครสวรรค์ จำนวน 6 หลัง จับกุมตัวนายพิเชษฐ์ มารศรี บ้านเลขที่ 229/7 หมู่ที่ 2 ต.พยุหะ อ.พยุหะคีรี จว.นครสวรรค์ มีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ โดยพบอาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. และเครื่องกระสุนปืน จำนวน 89 นัด และยังพบผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากงาช้าง จำนวน 11 รายการ รวม 33 ชิ้น ซึ่งจากการตรวจบัญชีการแจ้งการครอบครองฯ แล้วพบมีรายการของงาช้างบางชิ้นหายไปจากบัญชี นอกจากนี้ยังเข้าตรวจค้นบ้านนายบุญเสริม พวงสมบัติ บ้านเลขที่ 36/1 หมู่ที่ 7 ต.พยุหะ อ.พยุหะคีรี จว.นครสวรรค์ และบ้านนางวรรณา ขะมันจา บ้านเลขที่ 8 หมู่ที่ 7 ต.พยุหะ อ.พยุหะคีรี จว.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีการแจ้งครอบครองงาช้างไว้ แต่ปรากฏว่า มีงาช้างไม่ครบตามบัญชี มีบางชิ้นหายไป เจ้าหน้าที่จึงอายัดไว้เพื่อตรวจสอบต่อไป ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนขยายผลอยู่ระหว่างขยายผลถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้องซึ่งจะออกหมายจับได้เพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ยังกล่าวอีกว่า ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาการค้างาช้างที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ตนในฐานะที่รับผิดชอบศูนย์เฉพาะกิจปฏิบัติการปราบปรามการค้างาช้างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและเป็นประธานคณะอนุกรรมการด้านการกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย ตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ได้ทำงานแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมการปกครอง กรมปศุสัตว์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า การท่าอากาศยาน และกรมศุลกากร ซึ่งได้ผนึกกำลังกันอย่างเข้มแข็ง ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ มีผลการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งหลังจากประเทศไทยมีการปราบปรามจับกุมการค้างาช้างรายใหญ่ได้หลายราย ปัจจุบันจึงเปลี่ยนวิธีเป็นการลักลอบค้าแบบกองทัพมดและอาศัยช่องทางการส่งกันทางไปรษณีย์ แต่ด้วยความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนจึงสามารถปราบปรามจับกุมได้ และคดีนี้ก็ถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของประเทศไทยที่สามารถจับกุมขบวนการนี้ได้
ความสำเร็จของประเทศไทย
‘รอง ผบ.ตร.’กล่าวเพิ่มเติม ว่าได้มีคณะศึกษาดูงานความร่วมมือด้านนโยบายสัตว์ป่าของ สปป.ลาว ประกอบด้วย กรมป่าไม้ สำนักอัยการสูงสุด ตำรวจ ศุลกากร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตร เครือข่ายบังคับใช้กฎหมายด้านสัตว์ป่าแห่ง สปป.ลาว (Lao WEN) ได้เข้าเยี่ยมและศึกษาดูงาน โดยการสนับสนุนจาก USAID Wildlife Asia และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งการมาดูงานในครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ได้มีประกาศนโยบายจัดระเบียบด้านพืชป่าและสัตว์ป่าภายในประเทศ จึงมาขอเยี่ยมคาราวะและหารือการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย ซึ่งประเทศ สปป.ลาว กำลังประสบปัญหาอยู่ เพื่อนำรูปแบบการแก้ไขปัญหาของประเทศไทยไปปรับใช้ในประเทศ สปป.ลาว ต่อไป