ในจังหวะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)กำลังจัดทัพสีกากีตั้งแต่ระดับรองผบ.ตร.-ผู้บังคับการ(ผบก.) บรรดาชาวสีกากี สื่อมวลชนและชาวบ้านที่เคยเห็นศักยภาพการสางคดีของ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.) ต่างแสดงอาการห่วงใยว่าจะได้ขยับติดยศ พล.ต.ท.หรือไม่ เพราะกฎหมายตำรวจ 2565 บัญญัติเกี่ยวกับแต่งตั้งไว้ค่อนข้างเข้มงวด บวกลำดับอาวุโสอยู่ระดับกลางๆ

แต่เมื่อถึงโค้งสุดท้าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เสนอชื่อ พล.ต.ต.นพศิลป์ ขยับเป็นผู้บัญชาการ(ผบช.)ประจำสำนักงานผบ.ตร.(ทำหน้าที่ประสานสภาความมั่นคง) ให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)พิจารณาเห็นชอบแบบฉลุย
ครั้นได้ติดยศ พล.ต.ท.แล้วแฟนคลับของ”นพศิลป์”และสื่อมวลชนสายอาชญากรรมยังแสดงความเห็นในทำนองเสียดายฝีมือในเชิงสืบสวนแกะรอยคนร้าย เพราะตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นตำแหน่งประจำหาก ผบ.ตร.ไม่มอบหมายงานให้เหมือนนั่งทำงานอยู่ในกรุ
แต่หลังจากมีคำสั่งโปรดเกล้าฯออกมาอย่างเป็นทางการระยะหนึ่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เห็นผลงานและความสามารถของ พล.ต.ท.นพศิลป์ มาโดยตลอด ถ้าปล่อยให้นั่งอยู่ในตำแหน่งประจำเท่ากับปล่อยให้ทรัพยากรบุคคลที่ทรงคุณค่าอยู่แบบเกิดประโยชน์ต่อองค์กรและประชาชนน้อยมาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ จึงออกคำสั่งให้พล.ต.ท.นพศิลป์ ไปช่วยราชการที่ บช.น.เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น.มอบหมาย โดยเฉพาะกำกับดูแลการสืบสวนคดีสำคัญในพื้นที่นครบาล
การไปช่วยราชการของ พล.ต.ท.นพศิลป์ เสมือนกลับถิ่นเก่าที่รับราชการมากว่า 30 ปี และเชื่อว่าพล.ต.ท.สยาม คงมอบหมายงานให้เป็นตัวหลักสืบสวนคดีสำคัญอย่างแน่นอน เพราะรู้มือกันอยู่ในฐานะที่ พล.ต.ท.นพศิลป์ เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาทำงานร่วมกันมากว่า 1 ปี
ยิ่งในพื้นที่นครบาลคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นถ้าเป็นคดีใหญ่ๆมักจะสลับซับซ้อน และจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของเมืองหลวง หากการสืบสวนเพื่อไขคดีไม่กระจ่างจนสิ้นข้อสงสัย การที่พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เลือก พล.ต.ท.นพศิลป์ มาเสริมทัพนครบาลถือว่าตัดสินใจถูกต้องแล้ว
เมื่อส่องผลงานในอดีตจะพบว่าสื่อมวลชนต่างตั้งฉายาให้”นพศิลป์”ว่าเป็นนักสืบชั้นครูของ
ตร.ยุค 5G นำทีมคลี่คลายคดีดังหลายคดีจนได้ฉายาว่า”เชอร์ล็อกนพ” อาทิ คลี่คลายคดีเน็ตไอดอล สาวชาวจีน หายตัวอย่างลึกลับกระทั่งพบเป็นศพฝังดิน สืบสวนจนจับคนร้ายเป็นคนชาติเดียวกันได้หลังหนีไปกบดานที่ฮ่องกง
หรือคดี 6 ศพ เป็นชาวเวียดนาม 4 ศพ ชาวอเมริกัน 2 ศพ ถูกวางยาพิษดับในโรงแรมหรูกลางกรุง หลังพบศพมีการตั้งข้อสังเกตที่หลากหลายเสมือนท้าทายฝีมือการสืบสวนของตำรวจ แต่ พล.ต.ท.นพศิลป์ สามารถนำทีมคลี่คลายคดีได้อย่างกระจ่างว่าเป็นการวางยาพิษฆ่ากันเอง เป็นต้น
ด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดอยู่ในงานสืบสวนมากว่า 20 ปี พล.ต.ท.นพศิลป์ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนผลิตนักสืบรุ่นใหม่ทำงานสืบสวนให้กับตร.เป็นจำนวนมาก จนบรรดานักสืบยุคปัจจุบันต่างเรียก พล.ต.ท.นพศิลป์ว่าครูสืบสวน ด้วยความเคารพในความสามารถอย่างเต็มปากเต็มคำ เมื่อมองถึงการขยับของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐถือว่าเป็นการเปิดมิติใหม่ในทางบริหาร เพราะจากประสบการณ์ของ”ประดู่แดง”ที่คลุกคลีอยู่ในสนามข่าวสำนักปทุมวันมายาวนาน คำสั่งลักษณะนี้ของผบ.ตร.เกิดขึ้นน้อยมาก
ทั้งที่ในอดีตนายตำรวจฝีมือดีถูกแต่งตั้งไปอยู่ในตำแหน่งประจำมีอยู่จำนวนไม่น้อย แต่ผบ.ตร.กลับไม่ใช้สอย เพราะอาจเกรงว่าจะถูกครหาว่าแต่งตั้งโยกย้ายไม่ธรรม ถ้าใช้สอยนายตำรวจเหล่านั้น จึงทำให้สำนักปทุมวันต้องเสียโอกาสที่จะใช้สอยตำรวจมือดีมานักต่อนักแล้ว
ดังนั้นการตัดสินใจเชิงบริหารของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ครั้งนี้น่าจะเป็นแนวทางที่ดีให้กับ ผบ.ตร.คนต่อไปในการบริหารจัดการใช้สอยตำรวจมากฝีมือได้โชว์ศักยภาพในการทำงานแม้จะอยู่ในตำแหน่งประจำ และแนวทางนี้นอกจากจะช่วยกระตุ้นให้ตำรวจขยันทำงานแบบไมต้องนั่งรออาวุโสสามารถขยับขึ้นตำแหน่งที่สูงขึ้นได้ แม้จะเป็นตำแหน่งประจำสามารถที่จะโชว์ศักยภาพได้อย่างเต็มที่
ที่สำคัญเชื่อว่า พล.ต.ท.สยาม คงมอบหมายงานให้พล.ต.ท.นพศิลป์ ได้โชว์ฝีมืองานสืบสวนคดีอย่างเต็มที่ แบบที่ไม่เกรงว่าจะถูกข้ามหน้าข้ามตากัน รับรองงานสางคดีนครบาลฉลุยแน่นอน !!!


