สรุปภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ประจำวันที่ 06 กันยายน 2567

1421

สรุปภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ประจำวันที่ 06 กันยายน 2567

SET ปิดพุ่ง 23.36 จุดวอลุ่มทะลุแสนล้านรับ Fund Flow ลุยซื้อหุ้นแบงก์ จับตาตัวเลขแรงงานสหรัฐ ด้านอเบอร์ดีนมองดัชนีทะลุ 1,500 จุดภายในสิ้นปี

SET ปิดวันนี้ที่ 1,427.64 จุด เพิ่มขึ้น 23.36 จุด (+1.66%) มูลค่าซื้อขายราว 107,436.04 ล้านบาท

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้นได้แรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงบ่ายเม็ดเงินต่างชาติ (Fund Flow) ไหลเข้าซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์เต็มๆ ทั้ง BBL KBANK KTB SCB หลังจากที่ราคาลงไปมากแล้วจากปัญหาหนี้ NPL จนเทรดต่ำกว่า Book Value

อย่างไรก็ตาม มองหุ้น KBANK, KTB ยังมี upside เพราะเทรดที่ 0.68 เท่า มีโอกาสขึ้นไป 0.8 เท่าได้ ขณะที่ SCB, TTB เทรด 0.8 เท่าแล้วขึ้นจากก่อนหน้า 0.6 เท่า

สำหรับ Fund Flow วันนี้ไหลเข้ามาในภูมิภาค ทั้งตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย รวมถึงไทย โดยมาจากการขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เป็น Growth Stock โยกเข้ามาเล่นกลุ่ม Value Stock ที่ส่วนใหญ่อยู่ในไทยและอินโดนีเซีย

นายศราวุธ กล่าวว่า บล.อาร์เอชบีฯ เพิ่งปรับเป้าหมายดัชนี SET ปีนี้ขึ้นมาที่ 1,560 จุด P/E 16 เท่า จากเป้าเดิม 1,430 จุด หลังจากจะมีเม็ดเงินใหม่ของกองทุนวายุภักษ์จ่อเข้ามาลงทุนราว 1-1.5 แสนล้านบาท และ Fund Flow ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย

แนวโน้มในสัปดาห์หน้า ต้องติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ส.ค.และอัตราว่างงานของสหรัฐในคืนนี้ หากตัวเลขว่างงานเท่าเดิมที่ 4.3% อาจมีโอกาสได้เห็นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% ในเดือน ก.ย.

พร้อมให้แนวต้านที่ 1,460 จุด แนวรับ 1,410 จุด

นางสาวดรุณรัตน์ ภัยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วง 3-6 เดือน น่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 1,550-1,530 จุด จากเดิมที่ประเมินไว้ช่วงต้นปีที่ 1,360-1,450 จุด โดยได้รับปัจจัยบวกจากการเติบโตของ GDP ที่ 2.7% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ กำไรจากบริษัทจดทะเบียนที่มีเติบโตต่อเนื่องซึ่งคาด EPS จะอยู่ที่ 90 บาทต่อหุ้น P/E 15 เท่า รวมไปถึงความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลและ นโยบายทางด้านเศรษฐกิจ และเม็ดเงินจากการเข้าลงทุนของกองทุนวายุภักดิ์

นอกจากนี้ยังเห็นว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะเป็นอีกปัจจัยที่ผลักดันให้ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยเติบโตอย่างน่าสนใจ เช่นจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ที่ 23 ล้านคน และกำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น จึงมีโอกาสทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวเป็นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 36-37 ล้านคน ทั้งนี้มองว่ากลุ่มท่องเที่ยว โรงพยาบาล รวมไปถึงกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Domestic Link)  และ Consumer Finance จะโอกาสเติบโตและโดดเด่นในช่วงที่เหลือของปี

สิริวรรณ ลีลาประกอบชัย เรียบเรียง เรื่อง/ภาพ