สืบนครบาล รวบ “ไอแขก พ่อบังเกิดเกล้า” แอบล่วงละเมิดลูกในไส้

231

สืบนครบาล รวบ “ไอแขก พ่อบังเกิดเกล้า” แอบล่วงละเมิดลูกในไส้ หนำซ้ำยังเผยแพร่คลิปไปให้คนอื่นดู อ้างว่าเกิดความหึงหวง

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,พล.ต.อ. ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท. สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในสังคม โดย ชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้ออกลาดตระเวนออนไลน์จนทราบว่า มีคนร้ายชื่อ นายสรณคมฯ ได้ก่อเหตุบังคับล่วงละเมิดกับลูกตัวเอง และยังถ่ายคลิปเก็บไว้ หนำซ้ำยังส่งคลิปไปให้ผู้อื่นดู เพราะเกิดความหึงหวง สร้างตราบาปให้กับผู้เสียหาย

ชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.สส.3ฯ จึงได้รายงานให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. รับทราบ จากนั้นจึงได้กำชับให้ พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. จับกุมตัวผู้ต้องหาคนดังกล่าวให้ได้โดยเร็ว

ต่อมาเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย , พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์ และ พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วย ร.ต.อ.พิชชากร กองสวัสดิ์ ,ร.ต.อ.พงศธร อารีย์ รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น., ด.ต.ประเทศ ช่อลำเจียก,จ.ส.ต.ภานุพงศ์ เวฬุวนารักษ์, จ.ส.ต.อวิรุทธ์ เนียมบุญเจือ, จ.ส.ต.นิติสิทธิ์ โชติคุต, ส.ต.อ.พลภัทร ปรีชา , ส.ต.อ.ภาสกร บัวอ่วม ผบ.หมู่ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ชุดปฏิบัติการที่ 3 ดำเนินการเจ้าหน้าที่ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. จับกุมตัว

นายสรณคม หรือแขก สงวนนามสกุล อายุ 36 บุคคลตามหมายจับ ศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.1042/2567 ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567
โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน และกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กนั้นยินยอมหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเป็นการกระทำต่อผู้สืบสันดาน”

สถานที่จับกุม บริเวณห้องเช่า ซอยสุวินทวงศ 13 แยก 19 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 67 เวลาประมาณ 13.00 น. ขณะที่ไม่มีใครอยู่บ้าน (อาศัยอยู่ด้วยกัน 10 คน)
เหลือเพียงเด็กผู้เสียหายและนายสรณคมฯ นายสรณคมฯ ได้เรียกเด็กผู้เสียหายเข้ามาในห้องซึ่งอยู่ชั้น 1 นายสรณคมฯ ได้ล็อคห้องและชวนเด็กผู้เสียหาย คุย จากนั้นนายสรณคมฯได้ใช้มือจับหน้าอกและล่วงเกินเด็กผู้เสียหาย เด็กผู้เสียหายพยายามขัดขืน แต่สู้แรงของนายสรณคมฯ ไม่ได้ เด็กผู้เสียหายได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ของป้า เด็กผู้เสียหายจึงสะบัดตัวหนีและวิ่งออกจากห้องไปบอกกับป้า จากนั้นป้าจึงไปบอกกับนายสรณคมฯว่าไม่ให้มายุ่งกับเด็กอีก

ต่อมาวันที่ 14 พ.ค. 2567 เวลาประมาณ 20.00 น. นายสรณคมฯก็ขึ้นมามาที่ห้องของเด็กผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ชั้น 2 และชวนเด็กผู้เสียหาย จากนั้นเด็กผู้เสียหาย จึงเผลอหลับไป หลังจากที่เด็กผู้เสียหาย ตื่นขึ้นมา พบว่าถูกถอดเสื้อผ้าและรู้สึกเจ็บที่อวัยวะ ผู้กล่าวหาได้รับความเสียหายจึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีจนถึงที่สุด

หลังจากการจับกุม นายสรณคมฯ ให้การว่าตนมีอะไรกับเด็กผู้เสียหายจริง อ้างว่ามีความรักต่อเด็ก และมีความสัมพันธ์กันประมาณ 1- 2 ปี เริ่มต้นเดิมทีเด็กผู้เสียหายเป็นลูกติดจากภรรยาเก่า และปฏิเสธว่าไม่ใช่ลูกของตน ตนเพียงแค่รับเป็นพ่อเท่านั้นเพราะตนเชื่อว่าภรรยา(แม่ของผู้เสียหาย)ไปท้องกับคนอื่น ต่อมาตนได้เลิกรากัน และได้มีภรรยาใหม่มีลูกด้วยกัน 3 คน เมื่อลูกสาวคนเล็กกับภรรยาใหม่อายุได้ 2 ขวบ ได้รับเด็กผู้เสียหายมาอยู่กับครอบครัวใหม่เพื่อให้มาช่วยเลี้ยงลูกสาวคนเล็กของภรรยาใหม่ เมื่ออยู่ด้วยกันได้แอบคบหากันมาจนบัดนั้นเป็นต้นมาโดยที่ภรรยาใหม่ไม่รู้

จากการซักถามผู้ต้องหาให้การวกวนพบพิรุธหลายประการ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทำการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของตัวผู้ต้องหา พบคลิปวีดีโอขณะล่วงเกินจำนวนหลายคลิป และมีลูกสาวคนเล็กของภรรยาใหม่ปรากฎในวีดีโอคลิปด้วย ,ภาพและวิดีโอโป๊เปลือยจำนวนมาก เป็นต้น และยังพบการส่งวิดีโอคลิปให้กับบุคคลอื่นในช่องทาง แชทเฟซบุ๊คอีกด้วย จากการซักถามพบว่า จับได้ว่าเด็กผู้เสียหาย เริ่มคบหาเพื่อนชายในวัยเดียวกัน ตนได้แอบดูแชทเฟซบุ๊คระหว่างเด็กผู้เสียหายและเพื่อนชายของเ จึงเกิดความโมโห จึงส่งภาพและคลิปวีดีโอให้เพื่อนชายคนดังกล่าวจำนวนหลายครั้ง ต่อมาภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพบวีดีโอคลิปขณะที่ผู้ต้องหาบังคับให้เด็กผู้เสียหายขอโทษและกราบเท้าตน

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งจากมารดาของเด็กผู้เสียหายว่า ตนได้เลิกรากับผู้ต้องหามาหลายปี ไม่คิดว่าผู้ต้องหาจะทำกับลูกสาวตนได้ถึงเพียงนี้ เพราะลูกสาวไม่เคยบอกตนเลยแม้แต่สักครั้งจนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้นตนเพิ่งทราบเรื่องทั้งหมด และได้ประสานกับเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ดำเนินคดีต่อมา และยินดีที่จะตรวจ DNA ด้วย เพราะตนไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่ตัวผู้ต้องหากล่าว และยังบอกว่าตัวผู้ต้องหามักจะเป็นคนดื่มสุราเป็นอาจินและชอบโกหกอยู่เสมอ ตนจึงตัดสินใจเลิกลาแต่ครั้งนั้นมา จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาส่งสน.หนองจอก ดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวว่า คดีนี้ถือว่าเป็นคดีที่ถือเป็นภัยสังคมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเกิดกับคนใกล้ตัวในสถาบันครอบครัว สร้างตราบาปให้กับผู้เสียหาย สิ่งหนึ่งที่คนรอบตัวควรจะให้ความใส่ใจเกี่ยวกับความปลอดภัยก็คือ ต้องคอยเช็กคอยสังเกตอาการว่าเกิดอะไรที่ผิดปกติหรือไม่ เราสามารถสังเกตพฤติกรรมของเด็กได้ ดังนี้ เด็กมีบาดแผล หรือรอยฟกช้ำตามร่างกาย มีอาการหวาดกลัว ซึมเศร้า วิตกกังวล เก็บตัว ไม่ยอมออกไปพบปะเพื่อน หรือไม่สุงสิงกับใคร
มีความคิดอยากทำร้ายร่างกายตัวเอง มีอาการนอนไม่หลับ ฝันร้าย อาจหนีออกจากบ้าน หรือกลัวการกลับบ้านการเรียนแย่ลง หรือไม่สนใจการเรียน ความปลอดภัยเป็นพื้นฐานความต้องการของมนุษย์ การล่วงละเมิดทางเพศเป็นการคุกคามทั้งทางร่างกาย และจิตใจ การดูแลเอาใจใส่บุตรหลานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เหตุการณ์อันเลวร้ายดังกล่าวไม่เกิดขึ้นกับบุตรหลานของตนเอง

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์#สืบนครบาล#ข่าวอาชญากรรมวันนี้