”พล.ต.อ.ไกรบุญ“แถลง สั่ง ล่า’เสี่ยโจ้’ บงการลักเรือน้ำมันเถื่อน

200

”พล.ต.อ.ไกรบุญ“แถลง สั่ง ล่า’เสี่ยโจ้’ บงการลักเรือน้ำมันเถื่อน-จ่อขอหมายแดง

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะทำงานคดีเรือน้ำมันเถื่อนหาย ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงรายละเอียดความคืบหน้ากับปฏิบัติการตรวจค้น และดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องคดีเรือน้ำมันหาย ที่ท่าเรือตำรวจน้ำสัตหีบ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังมีรายงานข่าวว่า ตำรวจได้ดำเนินการออกหมายจับ นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ ปัตตานี พร้อมพวกรวม 6 คน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.เปิดเผยว่า หลังจากสืบสวนสอบสวนคดีผลเพิ่มเติม พบว่าเรือทั้ง 3 ลำที่หายไปนั้น มีกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องนอกจากผู้ต้องหา 15 รายที่เป็นบรรดาลูกเรือแล้ว ยังมีบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องระดับสั่งการ โดยพบว่า เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ได้สั่งการให้นายสมเกียรติและนายสำเริง ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของเสี่ยโจ้และทำหน้าที่คอยประสานงานให้กับเสี่ยโจ้ในประเทศไทย ได้นัดหมายไต่ก๋งเรือทั้ง 3 ลำ คือ เรือ เจ.พี. เรือกำไรเงินหรือซีฮอส และเรือดาวรุ่น ซึ่งเรือทั้ง 3 ลำ เป็นเรือของเสี่ยโจ้ ให้มาพบเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยได้นำวิทยุสื่อสารและ GPS มอบให้ไปไต๋ก๋งเรือทั้ง 3 ลำ เพื่อใช้ในการสื่อสารนัดหมายวันเวลาที่จะหลบหนี

จนกระทั่งวันที่ 9 มิถุนายน หลังจากมีประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาว่ามีสภาพอากาศคลื่นลมแรง จึงส่งผลให้ต้องนำเรือของกลางไปจอดทอดสมอห่างจากจุดจอดเรือประมาณ 100 เมตร เพื่อความปลอดภัยและป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเรือ กลุ่มพวกเสี่ยโจ้จึงสบโอกาสนัดหมายกันผ่านวิทยุว่า วันที่ 11 มิถุนายน เวลา 2 ทุ่ม ต้องนำเรือตกหนีออกมาให้ได้ จนกระทั่ง 20.00 น.ของวันที่ 11 มิถุนายน เรือทั้ง 3 ลำก็เคลื่อนตัวออกจากจุดจอดท่าเรือตำรวจน้ำสัตหีบตามภาพวงจรปิด ก่อนมาทราบเหตุในวันที่ 12 มิถุนายน

โดยพยานหลักฐานชัดเจนแล้วว่า เสี่ยโจ้และพวกรวม 3 คน มีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งการให้นำเรือออกมา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม จึงได้ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ นายสหชัย หรือ เสี่ยโจ้ , นายสมเกียรติ และนายสำเริง ในข้อหาร่วมกันใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สินอันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้เพื่อเป็นหลักฐาน

ต่อมาวันที่ 18 กรกฎาคม ตำรวจกองปราบได้ขออำนาจศาลออกหมายค้น 13 จุดในพื้นที่ สมุทรปราการ 1 จุด , สมุทรสาคร 2 จุด เพชรบุรี 2 จุด , สงขลา 2 จุด และปัตตานี 6 จุด ซึ่งเป็นบ้านหรือสำนักงานของผู้กระทำความผิด พบพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงกับคดีนี้ได้เป็นอย่างมากแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพื่อเป็นสำนวนคดีในชั้นศาล

โดยพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้ง 3 ราย หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วและนอกจากนี้ยังได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาอีก 2 รายที่จังหวัดปัตตานี ได้แก่ นางอนันตญา และนายนรินทร ในข้อหาเดียวกัน เนื่องจากพบพฤติการณ์เป็นฝ่ายบัญชีการเงิน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นลูกน้องคนสนิทของเสี่ยโจ้และเป็นคนโอนเงินให้กลุ่มไต้ก๋งเรือทั้ง 3 ลำ ทั้งนี้ยังพบฝ่ายบัญชีการเงินอีก 1 รายที่เป็นลูกน้องของเสี่ยโจ้ คือ นางลดาวรรณ ซึ่งพบว่าได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว โดยจะดำเนินการออกใหม่เรียกให้นางลดาวรรณมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งถ้าหากว่าไม่มารับทราบข้อกล่าวหาก็ดำเนินการออกหมายจับต่อไป

กล่าวโดยสรุปคือ คดีนี้มีการออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 3 หมายจับ ได้แก่ นายสหชัย หรือ เสี่ยโจ้ , นายสมเกียรติ และนายสำเริง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ต้องหาในระดับสั่งการและอยู่ในระหว่างการหลบหนีออกนอกประเทศ รวมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับฝ่ายการเงิน 2 ราย คือ นางอนันตญา และนายนรินทร ส่วนนางลดาวรรณ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่เป็นฝ่ายการเงินได้หลบหนีออกนอกประเทศ และอยู่ในระหว่างการออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป

ด้าน พล.ต.ท.ไกรบุญ กล่าวว่า หลังจากนี้จัดเตรียมดำเนินการขอออกหมายแดงกับตำรวจสากลในการจับกุม เสี่ยโจ้ ปัตตานี และพวกที่ถูกออกหมายจับรวม 3 ราย โดยฝากผ่านไปยังสื่อมวลชนว่า ขอให้ทั้ง 3 รายเข้ามามอบตัวต่อสู้คดี หากเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่ผิด ไม่มีความกังวลใจที่จะดำเนินคดีกับกลุ่มคนเหล่านี้ มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ณ ตอนนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด ในขณะที่หนุ่ม เมืองเพชรนั้น ยังไม่มีพยานหลักฐานพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการเรือหายในครั้งนี้

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์#พล.ต.อ.ไกรบุญ#เสี่ยโจ้#ข่าวอาชญากรรมวันนี้