ตร.สรุปสถิติเหยื่อหลอกลวงออนไลน์ยอดพุ่งพรวดกว่า 2.7 หมื่นคดีสูญ6.1พันล้าน !!

363


วันที่ 30 ธ.ค. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปสถิติคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2565 ถึงวันที่ 20 ธ.ค.2566 จากระบบรับแจ้งความออนไลน์(www.thaipoliceonline.go.th) พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2565-วันที่20 ธ.ค.2566 มีการรับแจ้งความในคดีออนไลน์ จำนวนทั้งสิ้น 391,631 คดี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 10,122,822,746 บาท สถิติคดีออนไลน์ที่มีการรับแจ้งความมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ จำนวน 160,819 คดี มูลค่าความเสียหาย 2,306,485,393 บาท 2.หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงาน จำนวน 50,536 คดี มูลค่าความเสียหาย6,344,692,277 บาท 3.หลอกให้กู้เงิน จำนวน 43,193 คดี มูลค่าความเสียหาย 1,926,948,604 บาท4.หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ จำนวน 32,501 คดี มูลค่าความเสียหาย 17,194,810,386 บาท5.ข่มขู่ทางโทรศัพท์ (Call Center) จำนวน 27,620 คดี มูลค่าความเสียหาย 6,156,163,198 บาท


พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งจากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์คดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ผ่านมาพบว่ารูปแบบคดีที่มีจำนวนการแจ้งความมากที่สุดอันดับ 1 ยังคงเป็น “การหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการทางออนไลน์” มีจำนวนกว่า 160,819 คดี ส่วนรูปแบบคดีที่มีความเสียหายรวมสูงที่สุด อันดับ 1 คือ “หลอกให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์” มีความเสียหายรวมกว่า 17,194,810,386 บาท สำหรับคดีในรูปแบบอื่น ๆ อาทิ “การหลอกให้โอนเงิน” “การหลอกให้กู้เงิน” และ “การข่มขู่ทางโทรศัพท์” ก็ยังคงรูปแบบคดีที่มีผู้เสียหายและสร้างความเสียหายในอันดับต้น ๆ เช่นเดียวกัน
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเตือนให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังในการใช้สื่อออนไลน์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท เพราะคนร้ายจะพยายามใช้ทุกช่องทางในการเข้าถึงเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นการส่ง SMS การโทรศัพท์หาเหยื่อ การลงโฆษณาในสื่อสังคมออนไลน์ หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ และในหลายกรณีพบว่าคนร้ายมีข้อมูลส่วนบุคคลเชิงลึกของเหยื่อใช้ประกอบการหลอกลวงเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือด้วย


รองโฆษกตร.กล่าวว่า แนวโน้มรูปแบบของอาชญากรรมออนไลน์ในปี 2567 สิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องระมัดระวังคือการที่คนร้ายนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) มาใช้ในการสร้างเนื้อหาปลอมขึ้นมาเพื่อใช้ในการฉ้อโกง หรือสร้างความเสียหาย โดยการนำ AI มาใช้สร้างภาพหรือคลิปปลอม เพื่อนำมาแสวงหาประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การสร้างภาพหรือคลิปปลอมเป็นบุคคลอื่น (AI Deepfakes) เพื่อใช้ในการฉ้อโกง การเลียนเสียงของบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือคนรู้จัก (AI Voice Covers) จากตัวอย่างเสียงเพื่อใช้ในการฉ้อโกง การสร้างคลิปลามกปลอม (AI Deepfakes) ทำให้บุคคลอื่นเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือแสวงหาประโยชน์ การสร้างข่าวปลอม (Fake News) ที่ดูน่าเชื่อถือ ทำให้เกิดความตื่นตระหนก หรือเข้าใจผิด


วิธีการป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อคือการอย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นหรือได้ยินในโลกออนไลน์ โดยยึดหลัก “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมออนไลน์ หากพบว่าถูกแอบอ้างหรือปลอมบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ ให้รีบดำเนินการ “แจ้งความ รีพอร์ต บอกเพื่อน” เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับญาติพี่น้อง หรือเพื่อนสนิทต่อไป

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #สถิติออนไลน์