รมต.จีน คุย กองทัพบก แสวงความร่วมมือด้านความมั่นคง-ปราบอาชญากรรมข้ามชาติ ชี้ รบ.กัมพูชา เกี่ยวแก๊งสแกมเมอร์หลายมิติ ขอ 2 ประเทศร่วมมือแก้ปัญหา

กองทัพบก, 18 ธันวาคม ทีมโฆษกกองทัพบกเปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (17) พลเอก ดิเรก บงการ หัวหน้าศูนย์ประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก ให้การต้อนรับนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน (Ministry of Public Security – MPS) พร้อมด้วยคณะผู้แทนจากกรมสอบสวนคดีอาญา กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กองสอบสวนอาชญากรรมโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต กระทรวงความมั่นคงสาธารณะจีน และจากสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ณ ห้อง จปร. อาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ เพื่อหารือประเด็นสถานการณ์ความมั่นคงและการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

ซึ่งในระหว่างการหารือ พลเอก ดิเรก กล่าวว่าปัจจุบันมีข้อมูลว่ากลุ่มสแกมเมอร์ที่ถูกปราบปรามอาจหลบหนีไปยังพื้นที่อื่น และอาจใช้ไทยเป็นเส้นทางผ่านไปยังประเทศที่สาม โดยใช้การแฝงตัวเข้ามาในลักษณะนักท่องเที่ยวหรือนักลงทุน ส่งผลให้การคัดกรองของเจ้าหน้าที่เป็นไปได้ยาก รวมถึงการดำเนินการของกองทัพบกที่รับผิดชอบดูแลความมั่นคงตามแนวชายแดน ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในการคัดกรองและระบุตัวผู้ต้องสงสัยร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหากได้รับการสนับสนุนข้อมูลข่าวสารหรือเบาะแสของขบวนการสแกมเมอร์จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็จะสามารถแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องล่วงหน้า และทำให้การสกัดจับเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ พลเอก ดิเรก ยังกล่าวถึงขั้นตอนการส่งมอบผู้ลักลอบเข้าเมืองให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงขั้นตอนการผลักดันออกนอกประเทศ ที่ทางกองทัพบกมีความเห็นว่า หากสามารถกำหนดแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน ก็จะสามารถลดเวลาในขั้นตอนเหล่านี้ได้

ทางด้านนายหลิว จงอี้ ได้แสดงความชื่นชมต่อความร่วมมือระหว่างไทย เมียนมา และจีน ในการกวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมในพื้นที่เมียวดี ซึ่งสามารถจับกุมและส่งกลับผู้ต้องหาชาวจีนกว่า 6,600 คน พร้อมกล่าวว่าปัจจุบันรัฐบาลเมียนมาได้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจในการแก้ไขปัญหา และมีการลงพื้นที่ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการตรวจอาคารใน KK Park กว่า 400 แห่งแล้ว

ทั้งนี้ ฝ่ายจีนได้ขอความร่วมมือให้ไทยเพิ่มมาตรการสกัดกั้นผู้กระทำผิด ที่พยายามใช้ไทยเป็นเส้นทางผ่าน ทั้งทางธรรมชาติและด่านตรวจคนเข้าเมือง รวมทั้งกล่าวว่าอุปกรณ์ที่ขบวนการสแกมเมอร์ใช้ ได้แก่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง คือหลักฐานสำคัญที่จะใช้ในการดำเนินคดีและขยายผลเครือข่ายอาชญากรรม จึงต้องมีการดำเนินการเก็บวัตถุพยานอย่างรอบคอบและรัดกุม ซึ่งวิธีดังกล่าวเป็นวิธีที่ทางการจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินการที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ทางจีนได้แสดงความเห็นอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลกัมพูชามีความเชื่อมโยงและมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการสแกมเมอร์ในหลายมิติ ดังนั้นจึงขอให้ทั้งสองประเทศได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยระยะเวลาและมาตรการที่เป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง ในการดำเนินการ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและเสถียรภาพในภูมิภาค

“สกลธี” เปิดชื่อผู้สมัคร สส.กทม. 33 เขต ย้ำผ่านกระบวนการคัดเลือกหลายขั้นตอนจากกว่า 150 คน

วันที่ 18 ธันวาคม 2568 นายสกลธี ภัททิยกุล รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลผู้สมัครลงเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ผู้สมัครกรุงเทพฯ ทั้ง 33 เขตเรียบร้อยแล้ว ผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนจาก 150 คนเหลือ 33 คน… ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ตั้งใจเสนอตัวเข้ามาเป็นผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ของพรรคประชาธิปัตย์ครับ ทุกคนทำได้ดีมาก ๆ แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนที่ต้องเสียใจและผิดหวัง เพราะจำนวนคนที่เสนอตัวสมัครเข้ามา มีจำนวนมากกว่าจำนวนที่จะส่งลงเลือกตั้งหลายเท่าตัวขอเรียนว่าคณะกรรมการสรรหาและกรรมการบริหารพรรค ได้พิจารณาในทุก ๆ ด้าน อย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นประวัติการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน บุคลิกภาพ ทัศนคติและอุดมการณ์ทางการเมืองที่สอดคล้องกับแนวทางสุจริต ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของพรรค

สำหรับคนที่ไม่ได้ไปต่อ เชื่อว่าทุกคนมีความตั้งใจและมีคุณค่ามากสำหรับพรรค ตนจะติดต่อดึงคนที่อยากทำงานต่อไปกับพรรค มาช่วยกันทำงานเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดินต่อไป เพราะการทำงานการเมืองไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเป็นผู้แทนราษฎรเท่านั้น

เขตเลือกตั้งที่ 1 นายพีรวุฒิ พิมพ์สมฤดี
เขตเลือกตั้งที่ 2 ดร.เจษฎา เลิศธนสาร
เขตเลือกตั้งที่ 3 นายอภิมุข ฉันทวานิช
เขตเลือกตั้งที่ 4 นายพงศกร ขวัญเมือง
เขตเลือกตั้งที่ 5 นายนนธนัตถ์ บุนนาค
เขตเลือกตั้งที่ 6 น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร
เขตเลือกตั้งที่ 7 นายพงศ์พล เตมีย์
เขตเลือกตั้งที่ 8 นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา
เขตเลือกตั้งที่ 9 น.ส.วิเวียน จุลมนต์
เขตเลือกตั้งที่ 10 ดร.ชัยพร แก้ววาตะ
เขตเลือกตั้งที่ 11 น.ส.รมิดา อินทะแพทย์
เขตเลือกตั้งที่ 12 นางพิมชนก เก่าเจริญ
เขตเลือกตั้งที่ 13 นายภาณุพงศ์​ ลักษณวิศิษฐ์
เขตเลือกตั้งที่ 14 รอ.ดร.นพ.พิชาญศักดิ์ บุญมาศ
เขตเลือกตั้งที่ 15 น.ส.ฐิตยากร พรโรจนากูร
เขตเลือกตั้งที่ 16 นายสุนันท์​ มีนมณี
เขตเลือกตั้งที่ 17 นายฐิติวัชร์ ดีประเสิรฐวงศ์
เขตเลือกตั้งที่ 18 นายเชิดพันธุ์ เตี่ยไพบูลย์
เขตเลือกตั้งที่ 19 น.ส.กานต์ วนาดรวรวิศาล
เขตเลือกตั้งที่ 20 นายรัฐศักดิ์ สุขยิ่ง
เขตเลือกตั้งที่ 21 ดร.กิตพล เชิดชูกิจกุล
เขตเลือกตั้งที่ 22 นายปรินต์ ทองปุสสะ
เขตเลือกตั้งที่ 23 น.ส.วีร์ ศรีวราธนบูลย์
เขตเลือกตั้งที่ 24 น.ส.มารีญา ฤกษ์ดี
เขตเลือกตั้งที่ 25 นายชยิน พึ่งสาย
เขตเลือกตั้งที่ 26 นายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล
เขตเลือกตั้งที่ 27 น.ส.มลฑาทิพย์ ทิพยชนาพัฒน์
เขตเลือกตั้งที่ 28 นายพร้อมพล ธรรมจินดา
เขตเลือกตั้งที่ 29 น.ส.ศิริขวัญ นิลกรณ์
เขตเลือกตั้งที่ 30 นายคณพล พงศ์พิทยา
เขตเลือกตั้งที่ 31 พ.ต.อ.ทศพล โชติคุตร์
เขตเลือกตั้งที่ 32 ดร.วิสวัส ทองธีรภาพ
เขตเลือกตั้งที่ 33 นายเจตน์สฤษดิ์ เลิศธนสาร

ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 22 ธ.ค.นี้ เวลา 9.00 น.พรรคประชาธิปัตย์จะมีการเปิดตัวผู้สมัครอย่างเป็นทางการ

“ไทยเบฟ” ร่วมฉลอง ‘ทัพลูกยางสาวไทย’ คว้าชัยสมัยที่ 17 ศึก “ซีเกมส์ 2025”

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้สนับสนุนหลักวงการวอลเลย์บอลไทยมากว่า 35 ปี ร่วมแสดงความยินดีกับทัพวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ที่สามารถป้องกันและรักษาแชมป์ “ซีเกมส์ 2025” หลังเอาชนะ เวียดนาม ไป 3-2 เซต 19-25, 25-13, 25-18, 23-25 และ 25-23 คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 17 ได้สำเร็จ ในพิธีมอบรางวัลได้รับเกียรติจาก คุณพิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ, คุณสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคุณธารทิพย์ ศิรินุพงศ์ ผู้บริหาร, คุณแพทริค หอรัตนชัย ผู้อำนวยการสำนักประสานงานภายนอก บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมชมการแข่งขันและแสดงความยินดีกับทัพวอลเลย์หญิงทีมชาติไทย โดยมี “บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร โมกศรี กัปตันทีม เป็นตัวแทนทีมในการรับมอบ ณ สนามอินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2568

สตม.บุกทลายแก๊งอินเดียเช่าบ้านหรูพัทยา เปิดศูนย์แอดมินขายของเถื่อน รวบ 19 ราย ผิดกฎหมายเพียบ

ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสนองนโยบาย ผบ.ตร. ลุยกวาดล้างต่างด้าวทำธุรกิจผิดกฎหมาย บุกค้นบ้านหรูหนองปรือ จับแก๊งชาวอินเดียตั้งฐานขายสินค้าผิดกฎหมายผ่านเว็บไซต์ พบทำงานไร้ใบอนุญาต-อยู่เกินกำหนด นำตัวส่งดำเนินคดีทันที

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและการกระทำผิดของคนต่างด้าวในประเทศไทย ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การอำนวยการของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปชก.ตร.,พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย, พล.ต.ท.อุดร ยอมเจริญ และ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปชก.ตร.ได้สั่งการให้เข้มงวดตรวจสอบ สกัดกั้น และระดมจับกุมคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย รวมถึงผู้มีพฤติกรรมสร้างความเดือดร้อน กระทบความปลอดภัยและภาพลักษณ์ของประเทศ

พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม.

ภายใต้การกำกับของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ และพล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.3 พร้อมคณะผู้บังคับบัญชา สตม. ได้ร่วมแถลงผลการจับกุมคดีสำคัญในพื้นที่จังหวัดชลบุรี

รวบแก๊งอินเดีย 19 ราย ตั้งฐานแอดมินขายของเถื่อน
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ตม.จังหวัดชลบุรี สืบทราบว่ามีขบวนการแอดมินเว็บไซต์จำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายตั้งฐานปฏิบัติการในพื้นที่เมืองพัทยา โดยมีหัวหน้าแก๊งคือ MR. MANIT (นามสมมติ) สัญชาติอินเดีย พำนักอยู่ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และมอบหมายให้ MR. SUNIL (นามสมมติ) อายุ 40 ปี เป็นรองหัวหน้า เดินทางเข้ามาจัดตั้งเครือข่ายในประเทศไทย​ขบวนการดังกล่าวได้นำลูกน้องราว 20 คน เช่าบ้านหรูในพื้นที่ หมู่ 14 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ใช้เป็นศูนย์แอดมินดูแลเว็บไซต์ขายสินค้าผิดกฎหมาย

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.

หลังสืบสวนจนแน่ชัด เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้นบ้านพักเป้าหมาย พบชาวอินเดียรวม 19 ราย พร้อมของกลางเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสารจำนวนมากที่ใช้ในการดำเนินการ จึงควบคุมตัวทั้งหมดดำเนินคดี

แจ้งข้อกล่าวหา 2 กลุ่มเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่​ 9 ราย ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด และเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน”ส่วนกลุ่ม10 ราย ข้อหา “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และเป็นคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว แต่ประกอบอาชีพหรือรับจ้างทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ จังหวัดชลบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สตม. ยืนยันเดินหน้ามาตรการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำผิดทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอาชญากรรมข้ามชาติ การลักลอบทำงานผิดกฎหมาย และการใช้ประเทศไทยเป็นฐานก่อเหตุ พร้อมเฝ้าระวังบุคคลทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีหมายจับ รวมถึงการเข้า-ออกประเทศอย่างเข้มงวด

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม.ในพื้นที่ใกล้บ้าน หรือผ่านเว็บไซต์ www.immigration.go.th เพื่อร่วมกันรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสังคมไทยอย่างยั่งยืน

รอง ผบ.ตร. สั่งตรวจเข้มเรือภาคอุตสาหกรรมประมง ป้องกันการใช้แรงงานบังคับ ค้ามนุษย์ และละเมิดสิทธิแรงงาน

วันที่ 18 ธันวาคม 2568 พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้ดูแลศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้กำชับการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดนั้น ล่าสุดได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศตคม.ตร.) บูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคีที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจเรือในภาคอุตสาหกรรมประมง สินค้าห้องเย็น และห่วงโซ่อุปทานซีฟู้ด รวมถึงเรือปลาทูน่า เพื่อป้องปรามการใช้แรงงานบังคับ การค้ามนุษย์ และการละเมิดสิทธิแรงงานในภาคการเดินเรือและประมงทะเลอย่างเป็นรูปธรรม

โดยเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้มีการตรวจโดยเป็นความร่วมมือของหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน หน่วยงานภาครัฐร่วมตรวจ ได้แก่ ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศตคม.ตร.), กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน, สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน, กรมเจ้าท่า, ตำรวจน้ำ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง / ภาคประชาสังคม ได้แก่ Stella Maris Thailand โดย คุณอภิญญา ทาจิตต์ รองผู้อำนวยการศูนย์อภิบาลผู้เดินทางทางทะเล Stella Maris และคณะทำงาน / ภาคเอกชน ได้แก่ สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย และสมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานร่วมการตรวจ ได้แก่ คุณอรรถพันธ์ มาศรังสรรค์ ที่ปรึกษาด้านแรงงาน, คุณวรพล พัฒนะนุกิจ เจ้าหน้าที่อาวุโส, คุณนลธวัช ผดุงเกียรติ เจ้าหน้าที่ด้านแรงงาน

การตรวจครอบคลุมประเด็นสำคัญตามมาตรฐานสากล ได้แก่ การปฏิบัติตามอนุสัญญาแรงงานทางทะเล Maritime Labour Convention, 2006 (MLC, 2006), การตรวจตาม ILO Convention No.188 (Work in Fishing Convention), การคุ้มครองแรงงาน สภาพการจ้าง ค่าจ้าง และสวัสดิการ, การสัมภาษณ์ลูกเรือโดยตรง, การตรวจสภาพการทำงาน ความเป็นอยู่ ความปลอดภัย การฝึกอบรม ยาและการรักษาพยาบาล, การตรวจเอกสารด้านการเดินเรือและแรงงานโดยกรมเจ้าท่า สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยครั้งนี้ได้ดำเนินการตรวจเรือสัญชาติปานามา จำนวน 2 ลำ ได้แก่ M.V. RYOMA และ SHIN HO CHUN No.102 ผลการตรวจเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่พบการใช้แรงงานบังคับ การค้ามนุษย์ หรือการละเมิดสิทธิแรงงาน ลูกเรือได้รับค่าจ้างตรงตามกำหนด สภาพการทำงานและระบบความปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายและอนุสัญญาระหว่างประเทศกำหนด

ในการตรวจครั้งนี้ ได้มีการมอบข้อมูล ช่องทางการร้องเรียนและขอความช่วยเหลือแก่ลูกเรืออย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถติดต่อหน่วยงานของรัฐในประเทศไทยได้โดยตรง หากประสบปัญหาหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม สะท้อนถึงความตั้งใจของประเทศไทยในการสร้างระบบคุ้มครองแรงงานที่เข้าถึงได้จริง และสามารถใช้งานได้ในภาคสนาม นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของ Stella Maris Thailand ยังเป็นการเสริมกลไกการคุ้มครองแรงงานทางทะเลในมิติด้านมนุษยธรรม ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการดูแลช่วยเหลือลูกเรืออย่างใกล้ชิด

พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า การดำเนินการในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มงวด ความจริงจัง และการบูรณาการของประเทศไทย ในการคุ้มครองแรงงานทางทะเล และเป็นการยืนยันอย่างชัดเจนว่า “ท่าเรือและน่านน้ำภายใต้เขตอำนาจของประเทศไทย จะไม่เป็นพื้นที่ปลอดการตรวจสอบ (safe haven) สำหรับการใช้แรงงานบังคับหรือการค้ามนุษย์ในทุกรูปแบบ ประเทศไทยยึดมั่นในหลักการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการคุ้มครองแรงงานตามมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด”

ทั้งนี้ เจตจำนงของคณะทำงานทีมบูรณาการต่อการดำเนินการตาม MLC, 2006 และ ILO Convention No.188
ประเทศไทยขอยืนยันต่อประชาคมระหว่างประเทศอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นอย่างจริงจังและต่อเนื่องในการยกระดับการคุ้มครองแรงงานทางทะเลและแรงงานประมง ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ภายใต้อนุสัญญา Maritime Labour Convention, 2006 (MLC, 2006) และ ILO Convention No.188 (Work in Fishing Convention) การดำเนินการของประเทศไทยมิได้เป็นเพียงการปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามข้อผูกพันระหว่างประเทศ หากแต่เป็นความตั้งใจเชิงโครงสร้าง ที่มุ่งแก้ไขปัญหาแรงงานบังคับ การค้ามนุษย์ และการละเมิดสิทธิแรงงานในภาคการเดินเรือและประมงอย่างยั่งยืน

ประเทศไทยได้พัฒนาระบบ การบูรณาการข้ามหน่วยงานอย่างเป็นรูปธรรม ผสานการทำงานของหน่วยบังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานด้านแรงงาน การเดินเรือ ประมง สาธารณสุข และภาคประชาสังคม เพื่อให้การตรวจเรือ การตรวจแรงงาน และการคุ้มครองลูกเรือเกิดขึ้นจริงในพื้นที่ปฏิบัติงาน ไม่ใช่เพียงในเชิงเอกสารหรือการรายงาน โดยเน้น 4 หัวใจสำคัญของการดำเนินงาน ได้แก่
1. การตรวจสอบสภาพการจ้าง ค่าจ้าง และสวัสดิการอย่างตรงไปตรงมา
2. การสัมภาษณ์แรงงานโดยตรง เพื่อให้เสียงของลูกเรือได้รับการรับฟัง
3. การยืนยันสิทธิในการร้องเรียนและการเข้าถึงความช่วยเหลือโดยไม่ถูกคุกคาม
4. การจัดให้มีช่องทางติดต่อฉุกเฉินและกลไกคุ้มครองที่แรงงานสามารถใช้ได้จริง

ประเทศไทย ยืนยันว่า การดำเนินการตาม MLC, 2006 และ ILO Convention No.188 เป็นพันธกิจที่ประเทศไทยเลือกทำด้วยความรับผิดชอบ ไม่ใช่เพราะแรงกดดันจากภายนอก หากแต่เป็นเพราะความเชื่อมั่นในศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นมนุษย์ของแรงงานทุกคนในทะเล

“เท้ง” ลั่น 8 ก.พ. ชี้ชะตาประเทศ เลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ ปลดล็อกอนาคตไทย เลือก ‘รัฐบาลประชาชน’ พ้นเงาทุนเทา–คอร์รัปชัน

“เท้ง​ ณัฐพงษ์” หัวหน้าพรรคประชาชน ประกาศเลือกตั้ง 8 กุมภาพันธ์ ไม่ใช่แค่เลือก สส. แต่คือการตัดสินอนาคตประเทศทั้งระบบ ชูธง “รัฐบาลประชาชน” การเมืองโปร่งใส ไร้ทุนเทา ย้ำพลังเสียงประชาชนคือคำตัดสินสุดท้าย พร้อมเปิดเว็บไซต์ระดมทุน 27 ธ.ค. เดินหน้าการเมืองที่ประชาชนเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง

วันที่ 18 ธันวาคม ที่โรงแรมอาวานา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุธ หัวหน้าพรรคประชาชน ขึ้นกล่าวปิดการสัมนาว่าที่ผู้สมัคร สส. พรรคประชาชน ที่เดินทางมาจากทั่วประเทศในช่วงเข้าสู่การเลือกตั้ง โดยระบุว่า การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ต่อการกำหนดอนาคตของประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่การเลือก สส. แต่คือการเลือกว่าประเทศไทยจะได้รัฐบาลหน้าตาแบบไหน

“อย่าลืมว่าครั้งนี้ไม่มี สว. มาช่วยเราเลือกนายก 1 เสียงของประชาชนจะเป็นเสียงประกาศิตที่กำหนดว่าใครจะได้เป็นรัฐบาล เลือกรัฐบาลเดิม กลุ่มคนเดิมได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรี พิสูจน์แล้วว่าพาประเทศสู่ความตกต่ำ ดัชนีคอรัปชั่นตกต่ำ ความเหลื่อมล้ำพุ่งสูง พรรคประชาชนเชื่อว่า รัฐบาลประชาชนเท่านั้นที่สามารถจัดการทุกปัญหา พาประเทศไทยไปไกลกว่าเดิม เพราะเราทำการเมืองโปร่งใส ไม่ซื้อเสียง ไม่ติดหนี้บุญคุณใครนอกจากประชาชน เข้าไปบริหารประเทศ ก็จะสามารถจัดการทุกปัญหาได้อย่างไร้ผลประโยชน์ทับซ้อน อย่าลืมว่าวัยนี้เราสู้กับทุนเทายึดประเทศ วันนี้มีพรรคเดียวที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนเทา คนสนิทฮุน เซน คือพรรคประชาชน” 

หัวหน้าพรรคยังระบุด้วยว่าพรรคจะเดินหน้าสู่การเลือกตั้งอย่างไม่โดดเดี่ยว เพราะเชื่อว่าผู้สนับสนุนพรรคจะไม่รอแค่วันลงคะแนน แต่จะช่วยรณรงค์หาเสียงให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จัดตั้งรัฐบาลประชาชนให้ได้ในครั้งนี้ เพราะประเทศถดถอยมาทุกทางจนไม่สามารถถอยไปไกลกว่านี้ได้อีกแล้ว วันที่ 8 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันที่ประเทศไทยเดินมาถึงทางแยกที่ประชาชนต้องเลือกว่าจะได้รัฐบาลแบบเดิม หรือรัฐบาลประชาชน ที่จะพาประเทศไทยไปไกลกว่าเดิม 

ทั้งนี้ในช่วงท้าย หัวหน้าพรรคระบุว่าพรรคประชาชนจะมีการเปิดเว็บไซต์ระดมทุนเพื่อการหาเสียง ในวันที่ 27 ธันวาคม เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมกันสนับสนุนพรรค ทำการเมืองโปร่งใสที่ประชาชนเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง

อัยการสูงสุด อนุญาต “อัยการธนกฤต” นั่งที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน

อัยการสูงสุด อนุญาต “อัยการธนกฤต” นั่งที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะด้านกฎหมายกรณีร้องเรียนตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ

วันนี้ (18 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อัยการสูงสุดได้อนุญาตให้ ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการผู้เชี่ยวชาญ สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายสัญญาและหารือ 4 สํานักงานที่ปรึกษา กฎหมายปฏิบัติหน้าที่เป็นที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินได้

จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีหนังสือถึงอัยการสูงสุดว่านายทรงศัก สายเชื้อ ได้รับพระบรมราชโองการ
โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไปได้มีหนังสือถึงอัยการสูงสุดว่า ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานตามภารกิจของประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงขออนุญาตแต่งตั้งให้ ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการผู้เชี่ยวชาญ สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายสัญญาและหารือ 4 สํานักงานที่ปรึกษา กฎหมาย เป็นที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามความในข้อ 6 วรรคสอง ของระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดินว่าด้วยที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ เลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการประจำประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้ตรวจการ แผ่นดิน พ.ศ. 2563 มีหน้าที่ให้คำปรึกษา คำแนะนำ และข้อเสนอแนะด้านกฎหมายในเรื่องที่เป็นภารกิจของประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เช่น เรื่องที่มีผู้ร้องเรียนต่อประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน, การตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐตามรัฐธรรมนูญ ,การตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานของรัฐ

สำหรับ ดร.ธนกฤต มีชื่อเล่นว่า หน่อย หรือ ดร.หน่อย เป็นอัยการชื่อดังที่ออกมาให้ความรู้กฎหมายเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในสังคม ให้เกิดความเข้าใจ เเละได้รับการยอมรับจากผู้ใหญ่ในสำนักงานอัยการสูงสุดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายเเพ่ง

ดร.ธนกฤต จบปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนติบัณฑิตไทยได้รับทุนรัฐบาลไทย (ทุน ก.พ.) ตามความต้องการของกรมบังคับคดีไปศึกษากฎหมายต่อที่ฝรั่งเศส

ปริญญาโทด้านกฎหมายแพ่ง มหาวิทยาลัย PANTHON-ASSAS (PARIS II) ปริญญาโทและปริญญาเอกด้านกฎหมายเอกชน (เกียรตินิยมดีมาก) มหาวิทยาลัย STRASBOURG ประเทศฝรั่งเศส เคยทำงานเป็นทนายความ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดี นิติกรสำนักกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้ช่วยผู้พิพากษา อัยการจังหวัดผู้ช่วย สำนักงานอัยการจังหวัดสุโขทัย

ปัจจุบันเป็นอัยการผู้เชี่ยวชาญ สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายสัญญาและหารือ 4สํานักงานที่ปรึกษา กฎหมาย นอกจากนี้ยังเป็นอาจารย์พิเศษสอนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รามคำแหง นิด้า บูรพา และแม่ฟ้าหลวง

“สุชาติ” นั่งหัวโต๊ะ กก.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ไฟเขียว EIA โครงการสำคัญ แก้ปัญหาอุทกภัย–เสริมบริหารจัดการน้ำ

ทำเนียบรัฐบาล, วันที่ 18 ธันวาคม – นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2568 โดยมี นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ทำหน้าที่ รองประธาน คนที่ 1 นางรวีวรรณ  ภูริเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ทำหน้าที่รองประธาน คนที่ 2 และนายจิรวัฒน์ ระติสุนทร รองเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่กรรมการและเลขานุการ พร้อมผู้ทรงคุณวุฒิและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

ที่ประชุมรับทราบและเห็นชอบประเด็นสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน อาทิ ผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ 15 ณ สาธารณรัฐซิมบับเว ผลการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลในการจัดทำมาตรการที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านมลพิษจากพลาสติก รวมทั้งสิ่งแวดล้อมทางทะเล (INC 5.2) ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส และแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) จำนวน 7 โครงการสำคัญ ซึ่งมีบทบาทต่อการแก้ไขปัญหาอุทกภัย การบรรเทาภัยแล้ง และการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ โครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดนครราชสีมา สายสีเขียว โครงการทางพิเศษสายเมืองใหม่–เกาะแก้ว–กะทู้ จังหวัดภูเก็ต โครงการก่อสร้างถนนรอบเกาะช้าง จังหวัดตราด โครงการทางหลวง 4 ช่องจราจร ทางเลี่ยงเมืองกระบี่ โครงการอุโมงค์ผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี โครงการทางระบายน้ำหลากเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง และโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยสะดวงใหญ่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบูรณ์

รองนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ทุกโครงการดำเนินการตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ควบคู่การมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้การพัฒนาเกิดประโยชน์สูงสุด ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำของประเทศอย่างยั่งยืน

กวาดล้างก่อนปีใหม่! ตำรวจท่องเที่ยวรวบชาวจีนลักลอบขายพระเครื่องใกล้ประตูท่าแพ เชียงใหม่

ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ในการระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ โดย พลตำรวจโทศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ พลตำรวจตรีโอฬาร เอี่ยมประภาส ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งรัดการป้องกันปราบปรามและจับกุมการกระทำความผิดในพื้นที่อย่างเข้มงวด

พลตำรวจโทศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวงานสืบสวน กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 ได้เข้าตรวจสอบและจับกุม นายหยวน (นามสมมติ) ชายสัญชาติจีน ซึ่งเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในฐานะนักท่องเที่ยว หลังพบพฤติการณ์เปิดร้านจำหน่ายพระเครื่อง ชักชวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ให้บูชาพระเครื่อง พร้อมทั้งเสนอการทำพิธีกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อและความเป็นสิริมงคล

ร้านดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณใกล้ลานประตูท่าแพ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและมีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงใหม่ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบว่า นายหยวน ไม่มีใบอนุญาตทำงาน โดยให้การว่าเนื่องจากอยู่ในประเทศไทยมานาน มีความชื่นชอบในพระเครื่องและพิธีกรรม จึงได้ลักลอบประกอบกิจการจำหน่ายพระเครื่องให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีน ผ่านแอปพลิเคชัน WeChat และมีหน้าร้านตั้งอยู่บริเวณดังกล่าว

เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ทั้งนี้ หากประชาชนหรือนักท่องเที่ยวพบเห็นการกระทำความผิด หรือพฤติการณ์ต้องสงสัยของบุคคลต่างด้าว สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ แอปพลิเคชัน Thailand Tourist Police หรือ สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ไม่เข็ด! ป.ป.ส.บุกคลองเตยซ้ำ รวบ ผตห.ฉี่ม่วงยกแก๊ง แถมเจอหนีหมายจับ

ป.ป.ส. ลุยค้นชุมชนคลองเตย หลังรับเรื่องร้องเรียนผ่านโซเชียล! รวบ ผตห.พร้อมพวก 4 ราย ตรวจฉี่ ม่วงยกแก๊ง-เจอหนีหมายจับคดีขับเสพ

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ส. บูรณาการกำลังร่วมกับ ตำรวจท่องเที่ยว และ สน.ท่าเรือ ลงพื้นที่ชุมชนคลองเตย หลังชาวบ้านสุดทน ร้องเรียนผ่าน Facebook สำนักงาน ป.ป.ส. และสายด่วน ป.ป.ส. 1386 ที่พึ่งทุกปัญหายาเสพติด เป็นครั้งที่ 2 เหตุจากผู้ต้องหา ไม่เข็ดหลาบ มั่วสุมเสพยาไม่เกรงกลัวกฎหมาย ผลตรวจค้นพบฉี่ม่วงยกก๊วน 4 ราย พร้อมรวบผู้ต้องหาหนีหมายจับศาลแขวงสมุทรปราการ

พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับเรื่องร้องเรียนผ่าน Facebook สำนักงาน ป.ป.ส. และสายด่วน ป.ป.ส. 1386 ที่พึ่งทุกปัญหายาเสพติดแจ้งเบาะแสพฤติการณ์ของ นายนพพลและพวก ที่มักลักลอบมั่วสุมเสพยาเสพติดในพื้นที่ชุมชนคลองเตย สร้างความเดือดร้อนรำคาญใจให้กับผู้อยู่อาศัย ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เคยเข้าจับกุมตัวดำเนินคดีไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังคงมีพฤติการณ์เดิม จึงได้สั่งการให้ สำนักปราบปรามยาเสพติด (ปป.1) ประสานความร่วมมือกับ ปปส.กทม., ตำรวจท่องเที่ยว (ศอ.ปส.สน.บก.ทท.) และ สน.ท่าเรือ เข้าปิดล้อมตรวจค้นซ้ำทันทีในวันนี้

จากการเข้าตรวจค้นบ้านพักภายในชุมชนคลองเตย พบกลุ่มบุคคลกำลังมั่วสุมอยู่ภายในบ้าน จำนวน 4 ราย โดยหนึ่งในนั้นคือ นายนพพล (สงวนนามสกุล) บุคคลตามเรื่องร้องเรียน เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย พบผลเป็นบวก (สีม่วง) ทั้ง 4 ราย จึงแจ้งข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ จากการขยายผลตรวจสอบประวัติผู้ถูกจับกุม พบว่า นายประเสริฐ (สงวนนามสกุล) เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงสมุทรปราการ ในข้อหาสำคัญได้แก่ ‘เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1, เป็นผู้ขับขี่รถในขณะมีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย และไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล (ผิดเงื่อนไขคุมประพฤติ)’ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ความผิดฐาน ‘เป็นผู้ขับขี่รถในขณะมีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) อยู่ในร่างกายโดยผิดกฎหมาย ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อผู้ใช้รถใช้ถนนและสังคม เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งถูกสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ อีกทั้งกรณีที่ผู้ต้องหาผิดเงื่อนไขคุมประพฤติ ศาลมีอำนาจที่จะสั่งให้ นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้เดิมกลับมาบังคับใช้ทันที โดยไม่มีการรอลงอาญาอีกต่อไป

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสืบสวนพบว่าปัญหายาเสพติดในเคสนี้ ส่งผลกระทบต่อสถาบันครอบครัวโดยตรง โดยผู้ถูกร้องเรียนมีพฤติกรรมเสพยาจนเกิดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ภรรยาและลูกต้องย้ายหนี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ายาเสพติดเป็นภัยร้ายที่ทำลายทั้งสุขภาพและทำลายความสุขในครอบครัว

ปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการยืนยันว่า ป.ป.ส. ให้ความสำคัญกับทุกเรื่องร้องเรียน โดยเฉพาะในชุมชนเมืองที่มีความหนาแน่น หากประชาชนพบเห็นเบาะแสยาเสพติด หรือพบผู้กระทำผิดซ้ำซาก สามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วน ป.ป.ส. 1386 ที่พึ่งทุกปัญหายาเสพติดตลอด 24 ชั่วโมง เราพร้อมดำเนินการตรวจสอบและปราบปรามทันที เพื่อคืนความสงบสุขให้ชุมชน เลขาธิการ ป.ป.ส. เน้นย้ำในตอนท้าย