หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม“รองโฆษก ตร.” เตือนภัยการใช้สื่อสังคมโซเชียล ต้องใช้วิจารณญาณ รับข้อมูล อย่าหลงเชื่อง่ายๆ จะตกเป็นเหยื่อ ถูกล่วงละเมิดทางเพศ

“รองโฆษก ตร.” เตือนภัยการใช้สื่อสังคมโซเชียล ต้องใช้วิจารณญาณ รับข้อมูล อย่าหลงเชื่อง่ายๆ จะตกเป็นเหยื่อ ถูกล่วงละเมิดทางเพศ

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2564 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล กฤตพิทยบูรณ์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เนื่องจากยุคสังคมสมัยใหม่ ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ระบบเทคโนโลยีที่ไร้ซึ่งพรหมเเดน ความทันสมัยที่มีคุณประโยชน์ที่นานับประการ แต่ก็แฝงด้วยพิษภัยอันน่ากลัว จากกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่อาศัยเทคโนโลยีมาใช้ในทางที่ผิด ล่อลวง หลอกลวง ให้ผู้คนตกเป็นเหยื่อ โดยเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับการล่วงละเมิดเด็กและสตรีซึ่ง จากประสบการณ์การเป็นตำรวจที่ดูแลเด็กและสตรีที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยพบว่าปัจจุบันมีอัตราการถูกล่วงละเมิดทางเพศและการกระทำรุนแรงสูงขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะการล่วงละเมิดทางเพศ อีกทั้งพบว่าเด็กและสตรีที่ถูกล่วงละเมิด ยังคงขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของกระบวนการทางกฎหมายและการดูแลตนเอง รวมถึงความวิตกกังวล เมื่อถูกล่วงละเมิดทางเพศ ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร เเละควรที่จะบอกใคร พ่อ แม่ ญาติหรือคนสนิท ด้วยเหตุผลความอับอาย

ทั้งนี้ พบว่าปัจจุบัน มีคดีประเภทนี้เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีการสื่อสารติดต่อกันและกันทาง social media และapplication ต่างๆทำให้ง่ายต่อการพบปะผู้กระทำด้วยความที่อ่อนด้อยประสบการณ์หรือความอยากรู้อยากเห็นอยากลองทำให้เกิดปัญหาการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ง่าย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่อันตราย

เมื่อเกิดปัญหาขึ้น เเล้วเราจะต้องทำอย่างไร อันดับเเรกเมื่อพบผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศแนะนำให้บอกแจ้งกับบุคคลใกล้ชิดหรือคนสนิทที่ไว้ใจมากที่สุด เเละให้รีบไปแจ้งความยังสถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด หรือหากกรณีที่ยังไม่ไปแจ้งความสามารถรีบมาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลก่อนและไปแจ้งความทีหลัง เพื่อเก็บหลักฐานวัตถุพยานต่างๆตลอดจนร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศในกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ รับยาการป้องกันการติดเชื้อ HIV โดยเร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV และยาป้องกันการตั้งครรภ์ รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความจำเป็นเร่งด่วน หากล่าช้าจะทำให้กระบวนการรักษาหรือกระบวนการเก็บร่องรอยทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่ครบถ้วน ทั้งนี้ทุกโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะมีกระบวนการตรวจรักษาผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศและถูกกระทำรุนแรงอย่างเป็นระบบ เมื่อได้รับการตรวจร่างกายเก็บหลักฐานต่างๆและกระบวนการรักษาเรียบร้อยแล้วก็จะเข้าสู่กระบวนการการดูแลอย่างเป็นระบบของ “ศูนย์พึ่งได้”

“ศูนย์พึ่งได้” โรงพยาบาลตำรวจ เป็นศูนย์บริการ ที่ให้การดูแล เเละให้คำปรึกษา โดยมีทีมสหสาขาวิชาชีพ นิติแพทย์ พยาบาลผู้เชี่ยวชาญ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา เข้ามาดูแลทั้งทางด้านร่างกายจิตใจ อารมณ์ สังคม มีการประเมินมีการพูดคุยให้คำปรึกษาแจ้งผลเลือด แจ้งผลการตรวจต่างๆอย่างครบวงจรสิ่งสำคัญที่ต้องดูแล คือ สภาพจิตใจซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่จะมีปัญหาทางสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล เครียด ทางศูนย์พึ่งได้จะมีนักจิตวิทยาให้คำปรึกษาให้การดูแลรับฟังปัญหาอย่างเข้าใจเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกประเมินและคัดกรองทางจิตวิทยาเบื้องต้น กรณีที่พบปัญหาที่ซับซ้อนจะดำเนินการส่งพบจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่อไปนอกจากนี้ยังมีพยาบาลผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาของศูนย์พึ่งได้ในการแจ้งผลเลือดพูดคุยปัญหาต่างๆ

นักสังคมสงเคราะห์จะมีบทบาทในการให้คำปรึกษาทางด้านข้อกฎหมายความคุ้มครองให้ผู้ป่วยรู้สึกมีความปลอดภัยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่ายเข้ามาดูแลผู้ป่วยอย่างครบวงจร หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการรักษาก็จะมีการติดตามผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องข้อมูลทุกอย่างของผู้ป่วยจะถูกเก็บไว้เป็นความลับทำให้ผู้ป่วยมั่นใจถึงกระบวนการการดูแลของศูนย์พึ่งได้ รวมถึงบูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการเข้ามาดูแล และให้ความช่วยเหลือและคอยให้แนะนำต่างๆ พร้อมการจัดเจ้าหน้าสหวิชาชีพเข้าร่วมในการดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นและลดความหวาดกลัวลงไปได้

นอกจากนี้ทางศูนย์พึ่งได้ยังมีหน้าที่ในการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการมารับหลักฐานและรายงานที่ใช้ประกอบในกระบวนการทางกฎหมายเพื่อเอาผิดกับผู้กระทำ จากการพูดคุยกับผู้ปฏิบัติที่ทำงานด้านนี้ได้ตั้งข้อสังเกตจากปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันมีความสลับซับซ้อนมากขึ้นเนื่องจากรากฐานระบบครอบครัวได้มีการเปลี่ยนแปลงจากสังคมครอบครัวขยายกลายมาเป็นสังคมครอบครัวเดี่ยวทำให้ผู้ถูกกระทำไม่ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กและเยาวชนควรสอดส่องสังเกตพฤติกรรมของเด็กและเยาวชน อาทิการใช้โทรศัพท์การใช้สื่อใน social media และ application ต่างๆการสอนเรื่องเพศศึกษา การรับฟังปัญหาของเด็กและเยาวชนให้เวลาเมื่อพบสิ่งผิดปกติใดๆที่เป็นสัญญาณเตือนให้รีบดำเนินการแก้ไขโดยเร่งด่วน ปัญหาเหล่านี้จะยังไม่หมดไปในสังคมแน่นอนแต่เราสามารถป้องกันได้ถ้าให้ความสำคัญ

สำหรับช่องทางการติดต่อในการขอความช่วยเหลือ หรือต้องการรับคำปรึกษา สามารถติดต่อมายังสายด่วน 1300 หรือติดต่อศูนย์พึ่งได้ โรงพยาบาลตำรวจ หมายเลขโทรศัพท์ 02-2521175 และ 0-2207-6000 ต่อ10101-10103(ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลาราชการ 08.30-16.00 น.) ,สายด่วน 191 สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599, สายด่วนกองกำกับการเด็กและสตรี 1157 หรือ เพจเฟซบุ๊ก Because We Care เเละสถานีตำรวจทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img