เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) แถลงข่าวความคืบหน้าคดีจับกุมแก็งชาวต่างชาติอุ้มชาวไต้หวัน ว่า จากการที่มีตำรวจ ยศ พ.ต.ท. ตำแหน่ง รอง ผกก. สังกัด บก.จร.เข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์อุ้มชาวไต้หวันนั้น หลังจากต้นสังกัดทราบเรื่องก่อนหน้านี้ได้มีคำสั่งย้าย ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ ศปก.บก.จร. จนกระทั่งถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันเรียกค่าไถ่,พยายามฆ่า,อั้งยี่,ช่องโจร,ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการ ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกชมขืนใจต้องกระทำการนั้นไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ ร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปโดยอ้างอำนาจอั้งยี่หรือช่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือช่องโจรนั้นจะมีอยู่หรือไม่,หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย,ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกับ 3 คนที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ โดยพบว่า รอง ผกก.คนดังกล่าวเป็นบุคคลที่อยู่ในที่เกิดเหตุ
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวอีกว่า และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.ท.รายนี้ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อแล้ว เบื้องต้นให้การปฏิเสธ โดยรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากอยู่ในสำนวนคดี สำหรับคดีนี้ ทางกลุ่มผู้ต้องหาและกลุ่มผู้เสียหายรู้จักกันมาก่อน และมีความขัดแย้งทางธุรกิจ อย่างไรก็ตามตำรวจได้ออกหมายจับตามตัวบุคคลทั้งสิ้น 6 ราย จับกุมและมอบตัวแล้ว 4 ราย เหลือ 2 รายเป็นชาวต่างชาติทั้งคู่อยู่ระหว่างการติดตามตัว เชื่อว่ายังอยู่ในประเทศไทย นอกจากนี้หากพบว่ามีใครที่เกี่ยวข้องอีกก็จะพิจารณารวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับเพิ่มเติม
“ส่วนเรื่องการจับกุมชาวต่างชาติที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น ทางตำรวจมีขั้นตอนการปฏิบัติอยู่แล้ว โดยจะแจ้งให้สถานทูตรับทราบว่ามีบุคคลกระทำความผิดภายในประเทศ ก่อนทำการจับกุม ทั้งนี้แม้ผู้ต้องหาทั้งสี่รายจะให้การปฏิเสธ แต่ทางตำรวจได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนเนื่องจากเป็นคดีที่อุกอาจ ก่อเหตุในเวลากลางวัน นอกจากนี้ชาวต่างชาติที่ถูกจับก็มีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่งเกรงว่าจะหลบหนี และจะติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป” พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าว
