เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่กองบังคับการปราบปราม ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์ รายงานว่า นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน พร้อมทีมทนายความ นำพยานเอกสารหลักฐานเข้าพบ พล.ต.ค.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) และพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายจับศาลอาญา คดีที่ร่วมกันกับพวกรวม 6 คน ฉ้อโกงประชาชน มีมูลค่าความเสียหายรวมแล้วประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท
นายประสิทธิ์ เปิดเผยว่า ตนเตรียมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงมาชี้แจงกับพนักงานสอบสวน หลังถูกออกหมายจับร่วมกับพวกรวม 6 คนในคดีที่ร่วมกันฉ้อโกงฯ โดยมั่นใจว่า มีข้อมูลสามารถชี้แจงและต่อสู้คดีตามกฎหมายได้ เพราะสิ่งที่พูดไปทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริง “ตนมั่นใจว่า คดีนี้ตนถูกกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาก็มีคดีความที่ตเป็นผู้เสียหาย สูญเงินไปกว่า 100 ล้านบาท ทั้งนี้ยอมรับว่า ที่ผ่านมาปัญหาสถานการณ์ โควิด – 19 ส่งผลกระทบกับธุรกิจการท่องเที่ยวของตัวเองอย่างมาก อีกทั้งยังถูกนำชื่อไปเชื่อมโยงกับประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองด้วย จึงอยากให้สังคมแยกแยะระหว่างการระดมทุนทางธุรกิจ กับการทำธุรกิจแบบเครือข่าย ซึ่งส่วนตัวเชื่อมั่นว่า ยังมีคนที่มั่นใจในตัวเองอยู่ และหากตนกระทำความผิดจริง ก็ต้องรับโทษตามกฎหมายอยู่แล้ว”
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับคดีนี้ ทางกองปราบปราม ร่วมกับ บก.ปอศ. และ บก.ปอท. เปิดปฏิบัติการทะลายเครือข่ายนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน เข้าตรวจค้นเป้าหมายรวม 9 จุด และสามารถจับผู้ถูกกล่าวหาไปได้แล้วจำนวน 4 คน หลังมีผู้เสียหายแจ้งความว่า ถูกผู้ต้องหากลุ่มนี้หลอกลวงด้วยวิธีการหลายรูปแบบ เช่น ชักชวนให้ผู้เสียหายนำบัตรเครดิต หรือเงินสด มาลงทุนซื้อแพ็คเกจทัวร์ ชักชวนให้ลงทุนโดยให้โอนเงินฝากเข้าบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์โดยอ้างผลตอบแทนร้อยละ 11.5 ถึงร้อยละ 15 ต่อการลงทุนในระยะเวลา 39 วัน
ผู้เสียหายบางรายก็ถูกชักชวนให้ลงทุนซื้อทองคำ และให้นำมาลงทุนตามโปรโมชั่นของบริษัทฯ เสนอผลกำไรร้อยละ 43.5 ชักชวนให้ลงทุนเงินสดหรือทองคำในระบบกองทุนส่วนตัวของนายประสิทธิ์ และชักชวนให้ลงทุนซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม และให้ปล่อยเช่ากระเป๋าอีกด้วย