ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ขอจดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ เข้ายื่นหนังสือขออนุญาตคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เพื่อจัดประชุมเพื่อยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองผ่านกกต. และทวงถามความคืบหน้าในการตอบรับการยื่นจดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากใกล้ครบเวลา 30 วัน ในวันที่ 15 เม.ย. แล้ว แต่ทางพรรคยังไม่ได้รับหนังสือรับแจ้งการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง (แบบพ.ก. 7/2) จากกกกต. โดยเกรงว่าจะติดช่วงวันหยุดสงกรานต์จะทำให้ทุกอย่างล่าช้าออกไป เพราะในขณะนี้ทราบว่าคสช.ได้มีการอนุญาตให้ 13 พรรคการเมืองที่ขอจัดตั้งใหม่ ดำเนินการจัดประชุมได้
นายปิยบุตร กล่าวว่า ทางพรรคได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องไปยัง คสช. 3 ข้อ คือ 1.อยากให้ คสช.ยกเลิก ข้อ 4 และข้อ 8 ของคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 และอนุญาตให้พรรคอนาคตใหม่ได้จัดประชุมในวันที่ 27 พ.ค.61 ตามที่ร้องขอ โดยหวังว่าจะไม่มีการเลือกปฏิบัติ เพราะตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 60 กำหนดว่าภายใน 6 เดือนหลังจดจัดตั้งพรรค ต้องจดทะเบียนพรรคให้เสร็จสมบูรณ์หมายความว่า ขณะนี้เหลือเวลาแค่ 5 เดือน ที่ต้องหาสมาชิกพรรคให้ครบ 500 คน ระดมทุนประเดิมจากสมาชิกให้ได้ 1 ล้านบาท จัดเตรียมนโยบายข้อบังคับพรรค รวมถึง การเลือกผู้บริหารพรรค
“ดังนั้น คสช.จึงต้องรีบอนุมัติให้พรรคได้ประชุมโดยเร็ว เพราะตามกฎหมายไม่มีกรอบเวลากำหนดว่า คสช.จะต้องอนุญาตเมื่อใด ยิ่งช้ายิ่งเกิดความเสียหายกับพรรค และหากต้องการทำตามที่นายกฯเคยพูดว่าต้องการสนับสนุนคนรุ่นใหม่เข้าสู่การเมืองก็ต้องยิ่งให้มีการประชุมพรรคโดยเร็ว” นายปิยบุตร กล่าว
2. ให้คสช.ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 57/2557 ที่ห้ามพรรคเคลื่อนไหวทางการเมือง เนื่องจากเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการของพรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่ เพราะหากการเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแมปก็จะเกิดการเลือกตั้งช้าสุดในเดือนก.พ. 62 เหลือเวลาอีกเพียง 10 เดือนถือว่าสั้นมากกับการทำพรรค เพราะทุกพรรคถูกจำกัดเสรีภาพนานถึง 4 ปี เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม สะท้อนเจตจำนงของประชาชนและพรรคการเมืองสามารถรณรงค์ได้ตามมาตรฐานในรัฐเสรีประชาธิปไตยก็ต้องปลดล็อกคำสั่งทั้งหลายที่เป็นอุปสรรคทั้งหมด และ 3. คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน และให้ยกเลิกการดำเนินคดีทางกฎหมายกับประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งในทันที
“ผมคิดว่าไม่มีความขัดแย้งอะไรในทางการเมืองเพราะ คสช.ก็ยังมีอำนาจบริหารอยู่ ถ้าเปิดเสรีภาพให้พรรคการเมืองรณรงค์มีการแลกเปลี่ยนพูดจากัน จะสร้างบรรยากาศที่ดีทั้งในประเทศและต่างประเทศเห็นถึงเส้นทางไปสู่โรดเม็ปว่าจะเกิดขึ้นจริง การยกเลิกคำสั่งที่เป็นอุปสรรค และยุติการดำเนินการคดีจะเป็นการสร้างบรรยากาศในการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง และเป็นการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลทหาร สู่ประชาธิปไตยอย่างสันติ หากไม่ทำเช่นนี้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น โดยยังมีการจำกัดเสรีภาพของพรรคการเมืองและประชาชนก็จะไม่ใช่การเลือกตั้งที่ได้มาตรฐานของรัฐเสรีประชาธิปไตย แต่เป็นเพียงพิธีกรรมที่ใช้ประกอบเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการสืบทอดอำนาจเท่านั้น และหวังว่าคสช.ในฐานะผู้มีอำนาจจะไม่มีการเลือกปฏิบัติระหว่างพรรคการเมืองที่ประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี กับพรรคที่ไม่ได้ประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ซึ่งพรรคยังคงยืนยันจะไม่สนับสนุนคนนอกเป็นนายกรัฐมนตรี” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวด้วยว่า ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไร ไม่มีเหตุผลที่จะมาจำกัดเสรีภาพของ ประชาชน พรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองที่กำลังจัดตั้งพรรค การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยร่างกฎหมาย 2 ฉบับที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งว่าจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาแม้จะทำให้การเลือกตั้งอาจล่าช้าออกไปจากปัญหาทางเทคนิค ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาจำกัดเสรีภาพ เพราะเราไม่เห็นเสรีภาพมา 4 ปีแล้ว จึงถึงเวลาที่ต้องกลับมาพูดคุยอย่างสร้างสรรค์ตรงไปตรงมา ซึ่งเชื่อว่า คสช.คงเข้าใจประเด็นนี้ และหาทางจัดการเรื่องต่าง ๆ
จึงอยากบอกว่าไม่ต้องกังวลใจว่าจะเกิดความขัดแย้งเพราะระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ช่วยขจัดความขัดแย้งทางความคิดได้อย่างสันติที่สุด ด้วยการที่เปิดให้ทุกฝ่ายได้แสดงออก ซึ่งตนยังเชื่อว่าจะมีการเลือกตั้ง เพราะถ้าไม่เชื่อว่าประเทศนี้จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยได้คงไม่มีการยื่นจัดตั้งพรรค และยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะไปร่วมกับคสช.ในเดือนมิ.ย.หรือไม่ เพราะจนถึงขณะนี้ยังไมได้เป็นพรรคแบบสมบูรณ์เลย และยังไมได้รับเชิญ กล่าว