นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความเฟสบุ๊คส่วนตัว ‘Watana Muangsook‘ กล่าวถึงกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊คได้เผยแพร่ภาพเช็คที่สั่งจ่ายเงินให้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ จำนวน 250,000 บาท และพลเรือโทพะจุณณ์ ตามประทีป (ยศขณะนั้น) จำนวน 100,000 บาท ต่อมาพลโทพิศณุ พุทธวงศ์ นายทหารคนสนิทของพลเอกเปรมออกมายอมรับว่าเช็คจำนวน 250,000 บาท ที่โอ๊คกล่าวถึงนั้น เป็นเช็คที่นายวิชัยจ่ายเพื่อการกุศล พลเอกเปรมจึงได้สลักหลังเช็คนำเข้าบัญชีมูลนิธิโดยไม่ได้นำไปใช้เพื่อการส่วนตัว
นายวัฒนา กล่าวต่อกรณีดังกล่าวว่า ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้คือนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ผู้บริหารในเครือกฤษดามหานครซึ่งถูกศาลพิพากษาว่าเป็นผู้กระทำความผิดกรณีเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ได้สั่งจ่ายเช็คให้กับพลเอกเปรมและพลเรือโทพะจุณณ์ โดยเช็คทั้งสองฉบับสั่งจ่ายจากบัญชีเดียวกันกับที่จ่ายให้กับโอ๊คเพื่อลงทุนทำธุรกิจร่วมกัน แต่ในที่สุดไม่ได้ทำโอ๊คจึงได้คืนเงินจำนวนดังกล่าวให้กับนายวิชัยไป ประเด็นของโอ๊คคือเหตุใดดีเอสไอจึงดำเนินคดีกับโอ๊คเพียงคนเดียว แต่ละเว้นที่จะดำเนินคดีกับพลเอกเปรมและพลเรือโทพะจุณณ์ทั้งที่ได้รับเช็คจากนายวิชัยเหมือนกัน
นายวัฒนา กล่าวด้วยว่า ส่วนที่พลโทพิศณุแถลงว่าเป็นการบริจาคเพื่อการกุศลนั้น หาได้เป็นข้อยกเว้นความผิดอาญาฐานฟอกเงินไม่ เพราะการนำเช็คเข้าบัญชีคือการรับโอนหรือเปลี่ยนสภาพครบองค์ประกอบความผิดฐานฟอกเงินแล้ว ดังเช่นที่สหกรณ์คลองจั่นได้บริจาคเงินให้กับวัดพระธรรมกาย ที่ทั้งผู้บริจาคและผู้รับบริจาคต่างถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงินเช่นกัน ข้อยกเว้นที่จะทำให้ผู้รับเช็คไม่ตกเป็นผู้กระทำความผิดคือไม่ทราบว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ซึ่งเป็นข้อต่อสู้ของโอ๊คต่อดีเอสไอ
“ท้ายสุดอธิบดีดีเอสไอออกมาแถลงว่าการสั่งจ่ายเช็ครายที่มีมูลหนี้ต่อกันจริงๆ เช่น ชำระเป็นค่าที่ดิน ดีเอสไอก็ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหานั้น ช่วยตอบผมหน่อยว่าการบริจาคเงิน 250,000 บาท หรือการจ่ายเช็คให้พลเรือโทพะจุณณ์ 100,000 บาท มีมูลหนี้ต่อกันอย่างไร โดยเฉพาะการบริจาคที่กฎหมายถือเป็นการให้ซึ่งจะสมบูรณ์ได้ด้วยการส่งมอบตาม ปพพ. มาตรา 523 ก่อนการบริจาคจึงไม่อาจมีมูลหนี้ใดๆ ต่อกันได้เลย แก้ตัวให้ดีนะครับทั้งสังคมกำลังจับตา อย่าสองมาตรฐานจนเคยตัว” นายวัฒนา กล่าว
[fb_pe url=”” bottom=”30″]