คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดข้อมูลคดียกเลิกการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ของกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2547 ตามที่ตนเองฟ้องคดี เพื่อแสดงความโปร่งใสของ ป.ป.ช. ว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณศาลปกครองสูงสุด ที่ให้ความเป็นธรรม คดีนี้สร้างตราบาปให้กับตนเองมาร่วม 14 ปี เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการยกเลิกการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ 900 ล้านบาท ซึ่งเงินงบประมาณทั้ง 900 ล้านบาท ก็ได้ส่งคือกระทรวงการคลังทั้งหมด ต่อมาคณะกรรมการป.ป.ช. ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่าไม่มีการทุจริต การยกเลิกโครงการเป็นการรักษาประโยชน์ราชการ
ส่วนการที่ยื่นศาลปกครองฟ้อง ป.ป.ช. เพื่อขอให้ ป.ป.ช. เปิดหลักฐานในคดี ที่กล่าวหา มีการทำหลักฐานเท็จมาปรักปรัมตนเอง จึงต้องการให้เป็นบรรทัดฐานว่าองค์กรอิสระต้องพิจารณาทุกอย่างทุกเรื่องอย่างเที่ยงธรรมที่แท้จริง แต่ในคดีของตนพบว่ามีการงอกหลักฐานที่เป็นเท็จหลายชุด และภายใน 30 วันนี้ ป.ป.ช. จะต้องส่งเอกสารมาให้เกือบทั้งหมด ยกเว้นคำให้การของพยาน และถ้าพบว่ามีการทำเอกสารเท็จจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็จะต้องมีการดำเนินคดีอาญาต่อ
พร้อมกันนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ไม่มีความอาฆาตมาดร้าย แต่ตัวเองอยู่ในระบบการเมือง องค์กรอิสระต้องทำตนให้เที่ยงธรรม ตรวจสอบและลงโทษนักการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช้อำนาจกลั่นแกล้งหรือไปตามธงตามที่เราได้ยินกันในช่วงหลายปีมานี้ จึงอยากให้กรณีนี้เป็นตัวอย่างเพื่อทำให้ระบบยุติธรรม เกิดการเปลี่ยนแปลง ยึดหลักนิติธรรม และมีความเที่ยงธรรมอย่างแท้จริง