พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯกล่าวว่า การร่วมมือกันในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอาหารและเกษตรสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี จะเริ่มดำเนินความร่วมมือแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม และขอชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและเยอรมนีที่ทำงานกันอย่างหนัก ที่ร่วมกันประชุมหารือ และสำรวจพื้นที่เพื่อดำเนินโครงการความร่วมมือด้านการเกษตรในระยะแรก โดยเฉพาะในพื้นที่แปลงใหญ่ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งในด้านการส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน การลดต้นทุนการผลิต และการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรไทย ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรและหน่วยงาน GFA พร้อมที่จะเริ่มดำเนินโครงการความร่วมมือภายในเดือนกันยายนนี้ และหวังว่าไทยและเยอรมนี จะใช้กรอบนี้ในการขยายความร่วมมือด้านการเกษตรในสาขาอื่น ๆ ที่สนใจร่วมกันในอนาคตต่อไป
สำหรับประโยชน์ที่ได้รับจากการทำความร่วมมือในครั้งนี้ คือ 1) การสนับสนุนโครงการความร่วมมือทวิภาคีเพื่อส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในประเทศไทย สร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการเกษตร โดย JDI จะเป็นกรอบในการดำเนินความร่วมมือในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่อาจมีความร่วมมือขึ้นในอนาคต โดยทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ 2) การจัดทำความร่วมมือภายใต้ความตกลง IA – กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมส่งเสริมการเกษตร กับ GFA Consulting Group GmbH สามารถพัฒนาบุคลากรด้านการต่างประเทศในลักษณะ On the Job Training (OJT) ในประเทศไทยเอง เป็นการสร้างโอกาสให้แก่คนรุ่นใหม่ที่สนใจทำการเกษตร
นอกจากนี้ การทำความร่วมมือดังกล่าว จะก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐสามารถร่วมกันคิดวิเคราะห์ ให้ข้อเสนอ รวมถึงสามารถสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างหน่วยงาน เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบบริการส่งเสริมการเกษตร ระบบการเงิน ระบบการสนับสนุนความช่วยเหลือ ตลอดจนการมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาพื้นที่เกษตรกรจากพื้นที่แปลงใหญ่
นอกจากนี้ เกษตรกรรายย่อย ยังสามารถเรียนรู้การบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ระบบการผลิต แปรรูป กระจายสินค้า การตลาด จนถึงผู้บริโภค โดยมีการนำเอาระบบบริการส่งเสริมการเกษตรเข้ามาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกษตรกรรายย่อยสามารถนำเอา ระบบการผลิตที่ทันสมัยและการทำธุรกิจที่ดี มาใช้ในการทำการเกษตรได้