นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวโกงเงินคนจน หรือข่าวการทุจริตศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหรือการโกงเงินคนจนที่กำลังอื้อฉาว ว่า ทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับการป้องกันปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ภายใต้การบริหารของรัฐบาลและคสช. ที่อ้างว่า เข้ามาปราบโกง แน่นอนว่า สังคมย่อมให้ความสนใจ อยากรู้ว่ายังมีการทุจริตในโครงการนี้อีกมากมายแค่ไหน แต่เรื่องน่าสนใจไม่น้อยกว่ากัน อาจเป็นปัญหาว่า เรื่องนี้กำลังสะท้อนอะไร กำลังบอกอะไรแก่เรา
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า คำถามแรก คือ ทำไมเจ้าหน้าท่ีจำนวนมาก จึงเข้าไปเกี่ยวข้องการทุจริตชนิดที่ไม่เกรงกลัวกฎหมายกันเลย หรือเขามีประสบการณ์ว่า มีการทุจริตอยู่มากมาย แต่ก็ไม่เห็นมีใครถูกลงโทษ ส่วนที่มีการลงโทษกันไป ส่วนใหญ่ทำโดยคำสั่งคสช.นั้น ก็เกิดขึ้นโดยไม่มีการสอบสวนเสียก่อน คนบริสุทธิ์จำนวนไม่น้อยถูกลงโทษไป ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ต่อมาบางคนที่ถูกสอบสวนพบว่า ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ก็เสียอนาคตไปแล้ว และก็ไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ กลายเป็นว่า คนทำผิดไม่เห็นถูกลงโทษ แต่คนบริสุทธิ์กลับถูกลงโทษ หาหลักหาเกณฑ์อะไรไม่ได้ เรื่องทุจริตโกงเงินคนจนนี้ ที่ถูกเปิดโปงโดยนักศึกษาซึ่งไปพบปัญหาเข้า เมื่อพบปัญหาและเปิดเผยเรื่องนี้แล้ว นักศึกษาผู้นี้ต้องเผชิญกับอะไรบ้างก็เรื่องหนึ่ง แต่องค์กรที่ตรวจสอบเรื่องนี้ต่อและเปิดเผยว่า มีการทุจริตมากขึ้นๆ คือ ปปท.
นายจาตุรนต์ กล่าวต่อไปว่า ไม่มีใครรู้ว่า ถ้าไม่มีการโวยเรื่องนี้ขึ้นมา จนเป็นที่สนใจของสังคมแล้ว ปปท.จะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังหรือไม่ ตามข่าวก็จะพบว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ระดับไม่สูง นายกรัฐมนตรีก็รีบฉวยโอกาสบอกว่า นี่ไม่ใชเรื่องทุจริตในระดับนโยบาย จะด้วยเหตุนี้หรือเปล่า เมื่อไม่ใช่เรื่องระดับนโยบาย จึงทำให้ปปท.ยังแข็งขันต่อเรื่องนี้ หากเรื่องนี้เชื่อมโยงไปถึงนโยบายรัฐบาล ปปท.ยังจะแข็งขันต่อไปหรือไม่ ? โยงไปสู่คำถามต่อไปว่า แล้วโครงการที่ส่งเงินหลายหมื่นล้านบาทลงไปในท้องที่ต่างๆแบบเร่งรีบ ประเภทคำสั่งไปถึงวันศุกร์ บอกให้เสนอโครงการวันจันทร์ จัดประชุมกันมีงบประมาณค่าอาหารค่าน้ำ แล้วก็ดำเนินการทันที โครงการจะรั่วไหลหรือสูญเปล่าอย่างไร ? ไม่เป็นไร ปปท.ตรวจสอบเรื่องเหล่านี้หรือไม่ ถ้ายังไม่ตรวจสอบ เป็นเพราะอะไร หรือเป็นเพราะโครงการประเภทนี้สามารถตรวจสอบความเชื่อมโยงได้ถึงผู้บริหารระดับสูงและเป็นเป็นเรื่องทางนโยบาย
“ที่ตั้งคำถามอย่างนี้ ก็เพราะ ปปท.นี้เป็นองค์กรสังกัดฝ่ายบริหารของกระทรวงยุติธรรม และในยุคคสช.นี้ องค์กรแบบนี้ยังขึ้นต่อคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติและศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตฯ ซึ่งล้วนเป็นฝ่ายบริหาร ที่คสช.มีอำนาจเหนือฝ่ายบริหารอีกต่อหนึ่ง เรื่องไหนที่จะโยงไปถึงฝ่ายนโยบายและผู้มีอำนาจ ย่อมมีคำถามได้ว่า ปปท.จะถูกสั่งให้ทำหรือไม่ทำหน้าที่ของตน ใช่หรือไม่ ?” นายจาตุรนต์ กล่าว
นายจาตุรนต์ กล่าวเพิ่มว่า ในแง่ของการถ่วงดุลในระบบแล้ว หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องไปถึงผู้บริหารระดับสูงหรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบายรัฐบาล ถ้าปปท.ไม่เข้าไปตรวจสอบด้วยเหตุใดก็ตาม หน่วยงานอื่น โดยเฉพาะองค์กรอิสระอย่างสตง.และปปช.ก็ต้องถือเป็นหน้าที่โดยตรง แต่ก็พบปัญหาการขาดความเป็นอิสระขององค์กรเหล่านี้อีก โดยเฉพาะปปช.ที่รัฐธรรมนูญกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ แต่ถึงเวลาปฏิบัติจริงๆก็ได้รับการยกเว้นโดยกฎหมายไม่ต้องใช้คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญไปอีกหลายปี ซ้ำร้ายบุคคลสำคัญในองค์กรนี้ ยังเป็นผู้ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจในคสช.และรัฐบาลอีกด้วย ย่อมไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่าทั้งปปท. และองค์กรอิสระเช่น ปปช.จะดูแลเรื่องต่างๆอย่างตรงไปตรงมาตามเนื้อผ้า
“ยิ่งมีข่าวว่า เกิดการทุจริตคอรัปชั่นขึ้นมากเท่าไร สังคมก็ยิ่งไม่อาจแน่ใจได้ว่ายังมีการทุจริตคอรัปชั่นเรื่องอื่นๆที่ยังไม่มีใครตรวจสอบอีกมากมายเพียงใด และตราบใดที่ระบบยังลักลั่นและลูบหน้าปะจมูกอยู่อย่างนี้ ก็คงไม่มีใครไว้ใจได้เลยว่า ประเทศจะไม่เสียหายไปกับการทุจริตคอรัปชั่นที่มากขึ้นทุกที” นายจาตุรนต์ กล่าว