อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างหนี้ของผู้ประกอบการรายย่อยไม่ใช่เรื่องง่ายหากมีเจ้าหนี้หลายเจ้า จะต้องมีการเจรจาประสารงานให้สอดคล้องไปทิศทางเดียวกัน ซึ่งโครงการ DR BIZ จะเข้ามาช่วยเหลือลูกหนี้ธุรกิจที่มีเจ้าหนี้สถาบันการเงินหลายรายให้ได้รับการบรรเทาภาระหนี้ และให้มีกลไกในการจัดการหนี้กับสถาบันการเงินทุกแห่งได้อย่างบูรณาการ โดยโครงการนี้จะมีระยะเวลาถึงสิ้นปี 2564
นายวิรไท ยังกล่าวว่า ในภาวะวิกฤติปัจจุบันผู้ที่มีความสามารถพยุง และกระตุ้นเศรษฐกิจคือภาครัฐ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการออกมาตรการภาคการคลังที่ยังสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ โดยผ่านโครงการต่างๆ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นโครงการที่ทำให้เกิดการจ้างงาน และสนับสนุนหนุนโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับวิถีใหม่ที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล หากการออกมาตรการต่างๆผ่านการกู้เงิน จะทำให้ยอดหนี้สาธารณะสูงขึ้น เพราะระดับหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ไม่เกินร้อยละ 60 เป็นเพียงกฎเกณฑ์ หรือกรอบที่ตั้งขึ้นในสภาวะปกติ ซึ่งภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นสามารถปรับให้เหมาะสมได้ตามสถานการณ์ จึงไม่อยากหลายฝ่ายกังวล และมองแต่ที่ตัวเลขเพดานดังกล่าวมากจนเกินไป เพราะในสภาวะปัจจุบันไม่ใช่สถานการณ์ปกติ และปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นทั้วโลก แต่หลังจากออกมาตรการต่างๆแล้วในอนาคตภาครัฐต้องวางแผนและแนวทางการหารายได้เพิ่มในอนาคต เพื่อเหมาะสมกับการชำระหนี้ที่ก่อขึ้น และไม่ให้เป็นภาระภาคการคลังในระยะยาว ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี

