นายธนาธร ยังกล่าวถึงข้อเรียกร้องของนักศึกษาธรรมศาสตร์ 10 ข้อที่เกี่ยวกับสถาบันว่า ต้องยอมรับความเป็นจริงว่าข้อเรียกร้องนั้น อาจจะทำให้กลุ่มคนบางกลุ่มรู้สึกไม่สบายใจ แต่ต้องยอมรับความจริงอีกข้อหนึ่งว่านี่คือความจริงที่กระอักกระอ่วน ทุกคนตระหนักรู้อยู่แล้ว แต่ไม่มีใครออกมาพูดเรื่องนี้ นักศึกษาเป็นกลุ่มคนกลุ่มแรกๆ ที่นำเรื่องนี้ออกมาพูดในที่สาธารณะ ซึ่งถือว่า มีความกล้าหาญมาก จึงต้องพูดคุยด้วยสติ และ 10 ข้อเรียกร้องถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย สังคมควรจะเอาเรื่องนี้มาพูดคุยกันอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา
นายธนาธร ยังกล่าวถึงข้อเรียกร้องของนักศึกษาธรรมศาสตร์ 10 ข้อ โดยเมื่อถามว่า บางส่วนอาจรับไม่ได้กับการไปจาบจ้วงสถาบัน นายธนาธร ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “มีข้อไหนที่จาบจ้วงบ้าง” พร้อมกล่าวต่อว่า ควรแยกระหว่างเนื้อหา ข้อเรียกร้องกับท่าทีที่นักศึกษาแสดงออก และยอมรับว่า ท่าทีอาจจะทำให้กลุ่มคนบางส่วนไม่สบายใจ แต่ใจความหลักจริงๆ คือ เนื้อหา
นอกจากนี้ นายธนาธร ยังกล่าวถึงคำแถลงของนายกรัฐมนตรีต่อการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาเมื่อวานนี้ (13 ส.ค.) ว่า สิ่งที่สังคมไทยต้องการในขณะนี้ คือ การเปิดใจรับฟังด้วยเหตุด้วยผล การไม่เปิดใจรับฟัง จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีได้อย่างไร เช่น มีการตั้งกรรมาธิการขึ้นมาเพื่อรับฟังความเห็นนักศึกษา แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไปดำเนินการจับกุม แสดงให้เห็นว่า ไร้ความจริงใจในการรับฟังความคิดเห็น สิ่งที่นายกรัฐมนตรีพูดเมื่อวานนี้ว่า ให้ทุกคนกลับมาสนใจปัญหาเศรษฐกิจนั้น พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วยมาตรา 44 มา 5 ปี ก่อนการเลือกตั้ง แล้วก็อยู่ในตำแหน่งโดยที่มีอำนาจในการบริหารมาปีกว่า ถ้าจะสำเร็จ หรือจะทำให้เศรษฐกิจไทยเดินไปข้างหน้ารับมือกับโควิดได้ คงทำสำเร็จไปนานแล้ว