นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณี การสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาด นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ว่า ต้องรอผลการตรวจสอบของคณะกรรมการทั้งของอัยการ ตำรวจ และศาล ซึ่งในส่วนของตนเองได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโดยมี ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ เป็นประธานฯที่มีคณะกรรมการปฏิรูปด้านกฏหมายอยู่ด้วย เพื่อให้เกิดความชอบธรรม ได้รับการยอมรับและเชื่อมั่นให้มากที่สุด ต้องตรวจสอบย้อนไปตั้งแต่ต้น เพราะตำรวจเป็นต้นทางกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นการทำคดีต่างๆต้องทำอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้การกระทำผิดต่างๆนั้นได้รับการละเว้น ซึ่งมีหลายกลไกด้วยกัน
ส่วนวาระอื่น ๆ เรื่องการพิจารณาลงโทษได้ให้แนวทางไว้ว่าต่อไปนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ข้อมูลที่เป็นตัวเลขว่าทำอะไรไปบ้าง เป็นคดีประเภทไหน ทำอะไรไปแล้วเท่าไร มีการพิจารณาลงโทษและอุทรณ์เท่าไร เปิดเผยได้ตาม พรบ.ข้อมูลข่าวสารฯ เพื่อให้ทุกคนให้ความสำคัญกับกฏหมายไม่ละเมิดหรือกระทำผิด
นายกฯกำชับ สตม. เตรียมความพร้อม รองรับ นโยบาย “ทราเวล บับเบิล”
พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองโฆษก ตร. กล่าวถึงคำสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้มีมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 6 ให้ตำรวจประสานงานใกล้ชิดกับกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการทุกแห่ง การดูแลต่างๆ ให้เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุข สำหรับ ผับ คอนเสิร์ต สถานบริการต่าง ๆ ที่ปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติตามาตรการ ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และกำชับเรื่องความพร้อมของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) กรณีรองรับนักท่องเที่ยว เปิดเป็นแพ็คเกจ “ทราเวล บับเบิล” ให้ สตม.เตรียมความพร้อมตามด่านต่าง ๆ ให้ครบถ้วน และให้ตำรวจทั่วประเทศเตรียมความพร้อมกรณีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทสไปตามที่ต่าง ๆ เน้นย้ำให้ดูแลนักท่องเที่ยวให้ทำตามมาตรการสาธารณสุข