หน้าแรกการเมืองนายกรอทูลเกล้าฯครม.คาดจบสค.-ปัดก้าวล่วงคดีบอส

นายกรอทูลเกล้าฯครม.คาดจบสค.-ปัดก้าวล่วงคดีบอส

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 2/2 ว่าได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ ทำหลักฐานเอกสาร เพื่อรอนำขึ้นทูลเกล้าฯ และถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยจะแล้วเสร็จไม่เกินกลางเดือน ส.ค.นี้

นายกฯลั่น ให้ความเป็นธรรมอัยการไม่ฟ้อง “บอส”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงกรณีตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต ว่า รัฐบาลทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร ต้องทำให้เกิดชัดเจน และไม่ก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรม โดยตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย มี ศ.พิเศษวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน เนื่องจากคดีนี้ประชาชนและสังคมให้ความสนใจจึงต้องหาข้อเท็จจริงให้ได้ และแก้ไขปัญหาโดยไม่ก้าวล่วงอัยการและกระบวนการยุติธรรม รวมถึง สตช. และส.ว. ก็ไปสั่งการอะไรไม่ได้ ซึ่งการตั้งคณะกรรมการฯ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมให้ได้ ขอให้มั่นใจนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ปล่อยปละละเลย ความยุติธรรมต้องเกิดขึ้นให้ได้ พร้อมยืนยันว่าคดีความของนายบอส ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน 300 ล้านบาท ที่กระทิงแดงมอบให้กับรัฐบาล และ 5 ปีที่ผ่านมา ยันตนไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเป็นห่วงการชุมนุมของนักศึกษา โดยได้กำชับกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับอาชีวศึกษาระวังอย่าให้ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้ ร่วมถึงฝ่ายตรงข้ามด้วย เพราะจะทำให้เรื่องบานปลายและกลับสู่วังวนเดิมอีก แต่ถ้าต้องการแสดงออกให้มาทำตามช่องทางของสภา และย้ำว่าไม่ได้ห้ามไม่ให้ชุมนุม แต่ต้องขออนุญาตตามกฎหมาย แต่ส่วนตัวห่วงที่สุด เพราะคนกลุ่มนี้เป็นเยาวชนของชาติ ต้องเข้าใจกระบวนการแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่าไปใส่ร้ายในสิ่งที่ไม่บังควร และเน้นย้ำไม่ชุมนุมเผชิญหน้า

 

 

นายกฯ ขอจ่ายค่าเสี่ยงภัย อสม. 7 เดือนก่อน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงค่าเสี่ยงภัย อสม. ซึ่งยืนยันว่า จะดูแลให้ดีที่สุด ซึ่งจะกำหนดระยะเวลายาวนานเกินไปก็คงไม่เหมาะสมในเรื่องของการบริหารงบประมาณ แต่ยืนยันว่า จะเร่งดำเนินการจ่ายค่าเสี่ยงภัยใน 7 เดือนแรกให้เร็วที่สุด และคิดว่าตราบใดที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงอยู่ หรือไม่มี ก็ต้องมีเฝ้าระวังและรับมือหากเกิดการระบาดในรอบที่ 2 ซึ่ง อสม.เองจำเป็นต้องมีไว้ดูแลนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และการรักษาพยาบาล ซึ่งถือว่าเป็นรายได้หลักของประเทศ ซึ่งยินดีที่จะให้ค่าตอบแทน อสม.เป็นพิเศษ ที่อาจจะยาวนานกว่า 7 เดือนด้วยซ้ำ แต่ขอจ่าย 7 เดือนก่อน เพื่อให้เทียบเท่ากับหลายหน่วยงานที่ได้รับค่าตอบแทนพิเศษ เช่น แพทย์ พยาบาล ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน เพราะรัฐบาลจะต้องมีการบริหารงบประมาณที่มีอยู่และเตรียมสำรองไว้ จึงต้องเป็นการทยอยจ่าย ไม่ใช่เป็นการกำหนดระยะเวลาแล้วไม่สามารถทำได้

พร้อมย้ำว่า จะมีการจ่ายค่าตอบแทนจนกว่าสถานการณ์จะเรียบร้อย อีกทั้งในวันข้างหน้าอาจต้องมีการดูแลแรงงานและนักท่องเที่ยวที่จำเป็นต้องใช้ อสม.ในการดูแล ซึ่งตนเองรู้สึกทราบซึ้งว่า อสม.ทำงานหนัก พร้อมขออย่านำเรื่องนี้มาเป็นประเด็น เนื่องจากต้องใช้เงินที่มาจากเงินกู้อย่างระมัดระวัง

 

นายกฯสั่งกต.ดูแลดีที่สุด นศ.ไทยติดโควิดเสียชีวิตอียิปต์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นักศึกษาชาวไทยเสียชีวิตด้วยการติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ในประเทศอียิปต์ว่า ขณะนี้ ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศดูแลให้ดีที่สุด โดยเร่งรัดจัดเครื่องบินไปรับคนไทยในต่างประเทศ ซึ่งยืนยันว่า จะต้องมีการพิจารณาให้เหมาะสมกับสถานที่กักกันโรคหรือ State quarantine ที่ในวันนี้เองมีการจัดเที่ยวบินพิเศษไปรับคนไทยกลับจากประเทศอียิปต์แล้ว และในระหว่างนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเข้าไปดูแลเรื่องของชีวิตประจำวัน ของคนไทยในประเทศต่างๆด้วย ซึ่งตนก็เป็นห่วงทุกคนเพราะถือว่าเป็นคนไทยทั้งสิ้น

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเป็นห่วงการรักษาระยะห่าง หลังรัฐบาลผ่อนคลาย โดยเฉพาะการแสดงคอนเสิร์ต และการแสดงดนตรี

นายกฯ ยัน ตั้งผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนใหม่เป็นไปตามขั้นตอน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงการแต่งตั้ง นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ ยืนยันว่า การแต่งตั้งผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่มีคณะกรรมการคัดกรองขึ้นมา ตามคุณสมบัติ ทัศนคติและวิสัยทัศน์ โดยมีคะแนนเป็นอันดับ 1

ส่วนการทำงานนั้นก็มีการประเมินคะแนนโดยหน่วยงาน ดังนั้น ต้องเปิดทางให้คนรุ่นใหม่ ต้องให้กำลังใจสนับสนุนกันต่อไป ซึ่งไม่สามารถไปก้าวล่วงได้ อำนาจใครอำนาจมัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันนี้เราทำงานการเมือง ก็ต้องสร้างการรับรู้แก่ประชาชนให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนมากขึ้น และวันข้าวหน้าใครจะเป็นอะไรก็เป็นได้ทั้งหมด เพราะถือเป็นการพิสูจน์ฝีมือ ตนเองก็พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทุกปัญหาอยู่ที่ตนหมดแต่ไม่สามารถก้าวล่วงได้

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img