ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งที่ไม่มีการแพร่ระบาดในไทยมากว่า 1 เดือน โดยอ้างว่าเพื่อใช้ควบคุมการแพร่ระบาดระหว่างปลดล็อกเฟส 5 หรือระหว่างเปิดเรียนและเปิดสนามบิน มิหนำซ้ำยังให้โฆษก ศบค. ออกมาย้ำนักย้ำหนาขอให้คนไทยการ์ดอย่าตก ไม่เช่นนั้นอาจมีการระบาดรอบ 2 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ซึ่งประชาชนทั้งหลายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จนไม่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศมาระยะหนึ่งแล้ว แต่สุดท้ายผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่ง ศบค. และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กลับกลายเป็น ศบค.เสียเอง ที่ปล่อยให้แขกต่างชาติ และแขก วีไอพี ได้รับมาตรการยกเว้นและไม่ต้องปฎิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า การต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดแต่อย่างใด
นอกเหนือจากที่รัฐบาลต้องกำหนดมาตรการควบคุมโรคแก่แขกวีไอพีใหม่หมดทั้งระบบแล้ว สิ่งที่รัฐบาลควรดำเนินการอย่างฉุกเฉินเร่งด่วนไม่ใช่กฎหมายควบคุมเชื้อโรค แต่เป็นเรื่องการออกมาตรการแก้เศรษฐกิจ ที่ผู้ประกอบการภาคส่วนต่าง ๆ รวมทั้งนักลงทุน นักธุรกิจทั่ว ๆ ไป กำลังรอการตัดสินใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ว่าจะเอาอย่างไรกันแน่กับมาตรการฟื้นฟู เพราะตอนนี้ตัวเลขเศรษฐกิจดิ่งเหวลงทุกด้าน ยังไม่นับคนตกงาน ว่างงานกว่า 10 ล้านคน รวมทั้งโรงงาน กิจการห้างร้านต่าง ๆ ที่ทยอยปิดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่มีสัญญาณใดใดจากรัฐบาลเลยว่า จะทำอย่างไรกับวิกฤตการณ์เหล่านี้