ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวว่า วันนี้เรียก พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) มาร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการจังหวัดกาญจนบุรี ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเมื่อวันจันทร์ที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุทธิ เดินทางมาขอเข้าพบตนเองนั้น ยืนยันว่าไม่มีการเจรจาต่อรองในเรื่องคดีความ ซึ่ง พล.ต.ต.สุทธิ ย่อมรู้ดีว่านิสัยของตนนั้น ไม่สามารถเจรจาต่อรองในเรื่องคดีได้ แต่ตนเรียกมาสอบถามในบางประเด็นที่พนักงานสอบสวนสงสัย พล.ต.ต.สุทธิ ก็ให้การที่เป็นประโยชน์ ส่วนการออกหมายจับผู้ต้องหาคดีนี้เพิ่มเติม ตำรวจแบ่งผู้ต้องหาคดีนี้ 3 กลุ่ม คือผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ผู้ที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ และกลุ่มที่เป็นกองเชียร์ ที่แสดงความคิดเห็น
“กลุ่มแรกออกหมายจับไปแล้ว 2 ราย ส่วนกลุ่มที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ อยู่ระหว่างการพิจารณาออกหมายเรียก 2 คน ไม่ขอเปิดเผยรายว่าทั้ง 2 คนดังกล่าวเป็นใคร เนื่องจากอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนกลุ่มที่เหลือ จะพิจารณาการใช้กฎหมาย ที่จะไม่ไปคุกคามกับการดำเนินชีวิตของประชาชน ส่วนคดีนี้จะมีคนบงการที่ใหญ่กว่าครูปรีชา ใคร่ครวญ หรือนางรัตนภรณ์ สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น หรือไม่ อาจมีความเป็นไปได้ว่ามียี่ปั๊วหรือซาปั๊ว ที่ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้ ทราบว่ามีผู้ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงเข้ามามีส่วนร่วมกับกระบวนการนี้ จึงให้ชุดสืบสวนไปหาข้อมูลเพิ่มเติม” ผบช.ก. กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. กล่าวว่า ขณะนี้ ปปป.ได้รับคำร้องทุกข์จาก พล.ต.ต.ไมตรี เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้เป็นขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน สอบพยานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าไม่เกินสัปดาห์นี้จะเรียก พล.ต.ต.สุทธิ มารับทราบข้อกล่าวหา แต่จริงๆแล้ว พล.ต.ต.สุทธิ ก็ช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาจจะไม่จำเป็นต้องออกหมายนัดแจ้งข้อกล่าวหาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ ซึ่ง พล.ต.ต.สุทธิ มีสิทธิแต่งตั้งทนาย ปฏิเสธหรือรับสารภาพ ก็ได้ เป็นสิทธิของผู้ถูกล่าวหาอยู่แล้ว โดยอัตราโทษ มาตรา 157 จำคุก 1-10 ปี โดยพนักงานสอบสวนต้องสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน โดยไม่จำเป็นต้องรอผลสอบทางวินัย
“ส่วนตำรวจอีก 2 นาย ที่มีคำสั่งให้มาช่วยราชการ ที่กองบังคับการปราบปรามก่อนหน้านี้ จะทำหนังสือถึงผู้บังคับบัญชา ในการกันไว้เป็นพยาน โดยจากข้อมูลล่าสุดพบว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ จากกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าภายในเอกสารสำนวนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ มีลายเซ็นหรือหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ตกค้างอยู่บนสำนวนหรือไม่ หากพบว่ามี ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกันพยานไว้ประกอบในสำนวนคดี แต่หากไม่พบ ก็มีความจำเป็นต้องกันพยานไว้ ส่วนจะกันไว้กี่คน ยังต้องรอตรวจสอบพยานหลักฐานในคดีก่อน”ผบก.ปปป. กล่าวและว่าส่วนพฤติการณ์ของ พล.ต.ต.สุทธิ จะตรงกับข้อมูลภายในเอกสารลับ 4 หน้า ที่ถูกเผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้บางส่วน ในคดีนี้เจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนสอบสวนได้มากกว่าเอกสารที่ถูกเปิดเผยออกมา แต่ยังไม่สามารถเปิดรายละเอียดได้ โดยในวันพรุ่งนี้จะเรียกร้อยตำรวจเอก 1 นาย และพันตำรวจโท 1 นาย มาทำการสอบสวนเพิ่มเติม ในประเด็นที่เจ้าหน้าที่ยังสงสัย
พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. กล่าวว่า วันนี้เดินทางให้ถ้อยคำและร้องทุกข์กล่าวโทษ พล.ต.ต.สุทธิ ฐานเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยหลังจากนี้พนักงานสอบสวน บก.ปปป. จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนกระแสข่าวว่ามีการข่มขู่พยาน ยืนยันว่าไม่มี ส่วนการย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้อง2นายมาที่ บก.ป.นั้นก็มอบหมายงานตามปกติ ถือว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่ง มอบหมายงานให้ทำ ไม่มีพฤติการณ์ยุ่งเหยิงคดี ตำรวจทั้ง2นายก็ทำงานตามปกติ ไม่ได้เครียด ไม่ถึงขึ้นต้องดูพฤติการณ์เป็นพิเศษ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.ต.สุทธิ เข้าไปเกี่ยวข้องขั้นตอนไหน จนทำให้สำนวนบิด พล.ต.ต.กมล กล่าวว่า เป็นรายละเอียดในสำนวน บอกได้เพียงว่ามีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในคดี เช่น สถานที่เกิดเหตุ วันเกิดเหตุ เป็นต้น ส่วนความผิดในลักษณะนี้ถึงขึ้นจะให้ออกจากราชการได้หรือไม่นั้น เป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชา พนักงานสอบสวนไม่มีสิทธิ์เสนอให้ออกจากราชการ ย้ำว่าเป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชาเท่านั้น